เจ้าหมา 2 ขั้ว มีทั้งความนุ่มฟูและโล้นเตียนในตัว หาบ้านได้เพราะเอกลักษณ์ของมัน

เมื่อเจ้าหมาเข้ามาในศูนย์พักพิงเป็นครั้งแรก อาสาสมัครต่างก็คิดว่ามันน่าจะหาบ้านได้ยากเพราะรูปร่างที่แปลกตาของมัน แต่สุดท้ายสิ่งนี้แหละที่ช่วยให้มันหาบ้านได้สำเร็จ

เจ้าหมา Julius เป็นลูกครึ่งผสมระหว่างพันธุ์ไชนีสเครสเต็ดซึ่งเป็นสุนัขขนเตียน และพันธุ์ปอมเมอเรเนียนซึ่งเป็นสุนัขขนนุ่มฟู ทำให้มันบางส่วนของร่างกายมันมีขนฟูแต่ส่วนที่เหลือนั้นไม่มีขนเลย

 

 

มันได้อาสาสมัครช่วยมาจากข้างถนน ทำให้ได้มาอยู่ในศูนย์พักพิง Tender Loving Crested Rescue ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

คนในศูนย์พักพิงตั้งเป้าหมายว่าจะหาบ้านให้มันให้จงได้ ถึงแม้ว่าหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ของมันอาจจะไม่ดึงดูดสักเท่าไหร่ เพราะมันจะมีขนฟูก็ไม่ใช่ จะมีขนสั้นเตียนก็ไม่เชิง ดูเป็นหมาที่กึ่งๆ กลางๆ ไปไม่สุดสักทาง

 

 

แต่ด้วยหน้าตาแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้ Sarah Freed เกิดความสนใจที่จะรับเลี้ยงมัน เพราะเธอมองว่ามันน่ารักไม่เหมือนใครดี

เธอบอกว่า “ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าทำไมฉันถึงชอบหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน เพราะคนทั่วไปอยากจะได้หมาที่ขนฟูสง่างามแบบปอมเมอเรเนี่ยน แต่พอฉันได้เห็นหัวล้านๆ น่ารักของมัน ฉันก็อดหลงเสน่ห์มันไม่ได้”

 

 

Julius เป็นหมาตัวที่สองที่ Freed รับมาเลี้ยง ส่วนเจ้าหมาตัวแรกก็คือ Radio มันเป็นหมาสีทองที่ถูกรับมาจากศูนย์พักพิงอื่น เจ้าหมาทั้ง 2 ตัวมีนิสัยขี้กลัวเหมือนกัน ในตอนแรกพวกมันก็เลยไม่ยุ่งกับอีกตัวเลย

ทว่าพอได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ทั้ง Radio และ Julius ก็เริ่มคุ้นเคยกัน จนพวกมันกลายเป็นคู่หูที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด

ต่อมา Freed ก็รับหมาตัวใหม่มาเพิ่มอีก ซึ่งก็คือ Electra มันเองก็เป็นหมาจากศูนย์พักพิงเดียวกันกับ Julius แล้วก็ขี้กลัวเหมือนกันด้วย

 

 

ถึง Electra จะขี้กลัว Radio กับ Julius ก็ช่วยทำให้เพื่อนตัวใหม่คุ้นชินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหมาทั้ง 3 ตัวกลายเป็นเพื่อนที่ไปไหนไปกันได้ทุกที่ อยู่บ้านนี้ไม่มีเหงาแน่นอน

 

 

ส่วนตัว Julius เองก็มีคนรักคนชอบไม่น้อยเลย เพราะหลังจากได้มาอยู่กับเจ้าของใหม่ มันก็มีนิสัยชอบพบปะผู้คน เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย

ทุกคนที่ได้เจอมักจะแปลกใจเสมอ เพราะพวกเขาคิดว่าที่ขนมันเป็นแบบนี้เนื่องจากไปตัดมา พอรู้ว่าเป็นขนตามธรรมชาติใครๆ ก็แปลกใจทั้งนั้น

จริงๆ แล้วเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละคนนั้นมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับมันไหม แล้วเราจะได้เจอคนที่ชื่นชอบสิ่งนั้นรึเปล่า ถ้าเราเจอคนที่เข้าใจในเสน่ห์ของเราก็จะเจอความสุขได้ไม่ยากเลย

 

 

ที่มา: the dodo

Comments

Leave a Reply