โค้ววว… ลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเล 16,000 กิโลฯ เพื่อมาเจิมงานศิลป์ มูลค่า 95,000,000 บาท!?

ความบ้าบิ่นของมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากจะเข้าถึงได้ เมื่อเราเป็นคนปกติทั่วไปไม่ได้คิดร้ายอะไร หากจะกระทำบางสิ่งมันต้องมีเหตุผลที่มากพอที่จะทำ แต่คงไม่ใช่เรื่องแบบนี้แน่ๆ…

มนุษย์เพศชายคนหนึ่งวัย 40 ปี ได้ลงทุนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเหาะเหินเดินอากาศมาไกลกว่า 16,000 กิโลเมตร จากประเทศอังกฤษ มายังเมือง Aspen รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เพียงเพื่อมาทำลายงานศิลปะ 1 ชิ้น!?

 

เหตุการณ์เจิมงานศิลปะ โดนกรีดไป 2 ที

 

เหตุการณ์สุดแสนจะเกินบรรยายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 2017 ชายปริศนาสวมใส่แว่นกันแดด กางเกงยีนสีดำ แจ็กเก็ตสีดำ พร้อมหมวกและถุงมือ เคราเคิวไม่โกน

เดินเข้ามายังแกลอรี่ศิลปะ Opera Gallery ตรงดิ่งสู่งานศิลป์ที่มีชื่อว่า “Untitled 2004” ที่วาดโดย Christopher Wool ตีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 95,000,000 บาท (3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

 

 

ยังไม่ทันไร เขาก็ควักวัตถุมีคมที่ซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อกรีดใส่งานศิลปะชิ้นดังกล่าวไป 2 ปื้ดก่อนที่จะเผ่นแนบหนีเข้ากลีบเมฆหายวับไปยิ่งกว่าจอมโจรคิดส์

การสืบสวนใช้เวลาเป็นปี จนกระทั่งได้เบาะแสถึงตัวผู้กระทำการอำมหิตต่องานศิลปะรายนี้ นั่นก็คือนาย Nicholas Morley ลูกชายนาย Harold Morley ผู้เป็นเจ้าของงานศิลปะชิ้นดังกล่าว

 

 

นาย Harold ในวัย 74 ปี กล่าวให้การกับตำรวจว่า เขาและลูกชายเป็นเจ้าของร่วมกัน แต่ภายหลังกลับเปลี่ยนคำให้การเป็น ‘เพิ่งจะลงนามส่งมอบให้กับลูกชาย’ โดยที่เพิ่มเติมว่าทั้งเขาและลูกชายจำผู้ต้องสงสัยที่จับภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ได้เลย…

ทุกอย่างเริ่มมีกลิ่นตุๆ ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2017 เมื่อ Harold ส่งจดหมายมายังแกลอรี่ โดยกล่าวว่างานที่โดนเฉือนไปนั้น สามารถซ่อมแซมให้เป็นสภาพเดิมได้ง่ายมากๆ และไม่เรียกร้องประกันอีกต่างหาก

แถมยังให้ทางแกลอรี่ออกแถลงการณ์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ‘เป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย’ พร้อมกับแนะนำให้ตีหน้าเศร้าเล่นบทซื่อกับสำนักพิมพ์ท้องถิ่นไป…

 

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับงานศิลปะชิ้นนี้

 

ภายหลังเพียงไม่กี่วัน เจ้าของงานศิลปะก็ส่งข้อความมาหาเจ้าของแกลอรี่ ขอร้องให้เขาลืมว่างานภาพวาดชิ้นนั้นถูกทำให้เสียหายหรือถูกทำให้ด้อยค่าลง พร้อมกับต้องการให้บล็อคหรือลบวิดีโอที่ถูกปาด ถูกซ่อมแซม จากนั้นก็นำไปขายในมูลค่าที่สูงกว่าเดิม

ในวันที่ 10 พฤษภาคม Nicholas ก็ส่งข้อความมาที่แกลอรี่เช่นเดียวกัน กล่าวว่าไม่ต้องการให้ทางแกลอรี่รับผิดชอบ พร้อมกับบอกว่า ‘จากที่เห็นในคลิปวิดีโอ มันเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กๆ ไม่ได้เสียหายใหญ่โตอะไร” แถมยังให้ทางแกลอรี่ออกแถลงการณ์เป็นทางการว่า ‘เกิดอุบัติเหตุ’ หรือ ‘ไม่มีแถลงเพิ่มเติมใดๆ’

 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปสำหรับคนครอบครองงานศิลปะมูลค่าขนาดนี้ ยิ่งเกิดความเสียหายกับงานด้วยแล้ว มันก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่…

เมื่อทางตำรวจเมืองแอสเพนค้นพบว่า นาย Nicholas บินมาจากสนามบิน Heathrow ของกรุงลอนดอน มายังสนามบิน Minneapolis-St. Paul ในวันที่ 1 พฤษภาคม หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ มาในภายใต้ชื่อ Nikola Marley

และดันไปโชว์พาสปอร์ตที่มีชื่อจริงของตัวเองให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้นมา และพบหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นว่า เขาปรากฏตัวเดินทางจากเมือง Minneapolis มายังเมือง Denver

 

 

จากนั้นนาย Nicholas ก็ได้ทำการเช่ารถ Hyundau Velostar ปี 2017 สีฟ้าภายใต้ชื่อ Nikola Marley อีกครั้ง และกลับมาคืนรถในวันที่ 4 พฤษภาคม 2017 ขับไปด้วยระยะทาง 395 กิโลเมตร

เบาะแสการเดินทางระหว่างเมือง Denver และ Aspen จะอยู่ที่ประมาณ 358 กิโลเมตรแบบเที่ยวเดียว ยิ่งทำให้สงสัยว่ารถคันนี้ไม่ได้เดินทางแบบไปกลับ และยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทให้เช่ารถก็ไม่มีหลักฐานภาพถ่ายของตัวนาย Nicholas อย่างเป็นทางการด้วย ในขณะที่คดีนี้ยืดยาวมาเกือบปีแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม เวลาที่ผ่านมาก็ทำให้มีหลักฐานมากพอที่จะทำให้นาย Nicholas ต้องรับผิดจากการกระทำในครั้งนี้ หลังจากที่นักสืบยืนยันได้แล้วว่า เขาใช้บัตรเครดิตที่มีชื่อเขาจ่ายค่าเช่ารถ และบัตรอีกใบที่เป็นชื่อภรรยา ใช้ในการจองห้องพักของโรงแรมในพื้นที่ดังกล่าว

อีกทั้งพนักงานประจำแกลอรี่ผู้เป็นพยานในเหตุการณ์วันนั้น ชี้ชัดว่านาย Nicholas คือผู้ก่อเหตุ หลังจากที่เห็นภาพของเขาในโลกออนไลน์ เนื่องจากรูปพรรณสัณฐาน “จมูกคด รูปคาง และหนวดสีอ่อน” เป็นหลักฐานที่จดจำได้แม่นยำสุดๆ

 

 

ปัจจุบัน ยังไม่สามารถจับกุมตัวเขาได้ เนื่องจากยังไม่มีเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับที่อยู่ล่าสุดของเขา และทางอัยการเขตของเมือง Aspen ก็ยังไม่สามารถสรุปแรงจูงใจในการกระทำครั้งนี้ได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นการทำลายงานศิลปะที่หายากเพื่อเพิ่มมูลค่าในการขายต่อ…

 

ที่มา : aspentimes, odditycentral

Comments

Leave a Reply