ชวนคุย “เดวิด” อีกหนึ่งคนไทย ที่ได้ทำงานร่วมกับ Avengers: Infinity War

ตอนนี้ Avengers: Infinity War กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทุบสถิติ “เปิดตัวสุดสัปดาห์สูงสุดตลอดกาลในอเมริกา” ไปแล้วเรียบร้อย ด้วยรายได้ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบๆ 8 พันล้านบาท)

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ทางทีมงานหลายภาคส่วนก็ต้องลงทุนลงแรงกันเพื่อตบตีให้หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นรูปร่างอย่างที่ทุกคนเห็น ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดง คอสตูม แต่งหน้า วิชวลเอฟเฟกต์ ฯลฯ

 

 

และจากความสำเร็จของ Infinity War นี้เองก็ทำให้เราได้เห็นว่ามีคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้อยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือคุณ เดวิด ณฐพล ห้วงสกุลเจริญ ผู้ที่ทำงานให้กับบริษัทวิชวลเอฟเฟกต์ชื่อดังเจ้าหนึ่งที่เข้ามาดูแลในส่วนของงานภาพ

ด้วยประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่ได้ทำงานกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่คนทั้งโลกรอคอย ทำให้เราอยากชวน เดวิด มาพูดคุยถึงการทำงานที่แวดล้อมไปด้วยซูเปอร์ฮีโร่ การทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ และความอึดอัดใจที่ได้รู้ตอนจบของหนังดังก่อนถึง 5 เดือน แต่บอกใครไม่ได้

 

 

เดวิดเล่าว่าในช่วงก่อนที่หนัง Iron Man จะเข้าโรง ตัวเองนั้นเรียนอยู่ที่ Academy of Art University สาขา Animation & Visual Effects ในซานฟรานซิสโก มีรุ่นพี่มาชวนให้ไปทำงาน Rotoscoping (พูดง่ายๆ ก็คือการตัดเอาคนหรือวัตถุออกจากวิดีโอที่เราถ่ายมา หากใครนึกภาพตามไม่ออก เรามีคลิปให้ชม)

ในขณะนั้นเดวิดเล่าว่าตัวเองมีวิชาเรียนอยู่ 3 ตัว และต้องทำธีสิสด้วย แต่ก็ตัดสินใจทำ “ทำไป 4 ช็อต แต่อดนอนไป 3 วัน งานนี้ผมไม่ได้เครดิตอะไรเลย ได้แต่ความภูมิใจล้วนๆ ว่าได้ทำหนังโรงกับเค้าด้วย!”

 

 

หลังจากเรียนจบเดวิดก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทวิชวลเอฟเฟกต์แห่งหนึ่ง และได้ทำงานให้กับ The Avengers ภาคแรก “ยิ่งได้เห็น Hulk ก่อนใครนี้แทบดีใจสุดๆ แต่ต้องหุบปากเงียบ แม้แต่พ่อแม่น้องเพื่อนสนิท เราก็พูดอะไรกับเค้าไม่ได้เลย ทรมานบอกใครไม่ได้ไป 6 เดือน”

หลังจากนั้น 2 ปี เดวิดก็ได้ทำงานวิชวลให้กับหนัง Marvel อีก 2 เรื่อง คือ Captain America 2: The Winter Soldier และปีถัดมาคือ Avengers: Age of Ultron “หัวหน้าไว้ใจเรามากขึ้นเค้าเลยให้เราทำในฉากตอนที่ Ultron ฉีกรางตัวเองเพราะได้ร่างใหม่”

 

 

นับจาก Age of Ultron ไป 3 ปี เดวิดเริ่มมีประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้น หัวหน้าของเดวิดก็ได้เลื่อนขึ้นเป็น CG Super (เป็นตำแหน่งที่คุมงานเกี่ยวกับฝ่ายผลิตทั้งหมด) ของ Avengers: Infinity War เดวิดจึงได้เลื่อนขั้นเป็น Lead Artist เพื่อช่วยงานด้านภาพ เนื่องจากมีประสบการณ์ในหนังของ Marvel มาแล้วหลายเรื่อง

“การขึ้นมาเป็นหัวหน้ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด เพราะหน้าที่ที่ต้องทำมากขึ้น ไหนต้องห่วงว่าเพื่อนร่วมงานจะทำทันไหม ไหนยังต้องห่วงงานตัวเอง ไหนต้องมาช่วยนั้งซ่อมงานให้แผนกอื่นๆ ถ้างานมีปัญหาเราต้องมานั่งคิดแก้ปัญหาในเวลาที่จำกัด”

 

 

เดวิดเล่าว่าเขาได้ดูตอนจบของ Infinity War มานานกว่า 5 เดือน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้เนื่องจากมีการเซ็นสัญญาเอาไว้กับบริษัทว่าจะไม่เปิดเผยส่วนหนึ่งส่วนใดของงานให้คนภายนอกได้รับรู้

“ทุกบริษัทที่ทำงาน VFX จะให้เราเซ็นสัญญาว่าทุกอย่างที่เราเห็นในบริษัททุกอย่างเป็นความลับครับ และถ้าเราเซ็นยินยอม บริษัทสามารถฟ้องเราได้ครับ เป็นสัญญาพื้นฐานของทุกบริษัทครับ” เดวิดบอกกับทีมงานแดทดั้มบ์

 

 

เมื่อถามว่าในอดีตที่ผ่านมาเคยมีใครเคยแหกกฎอันนี้ไหม เดวิดเลยบอกเราว่า “ไม่เคยเห็นใครผิดกฎนะครับเพราะถ้าผิดหนึ่งครั้งชื่อจะเสีย แล้วงาน VFX คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องเสียๆ ขึ้นมา โอกาสหางานได้ใหม่มีน้อยมากครับ”

เดวิดเล่าให้เราฟังว่าการทำงานวิชวลในต่างประเทศนั้นสามารถทำได้เรื่อยๆ จนถึงวัยเกษียณ มีบางคนที่เกษียณก่อนวัยก็เพราะอยากลองเปลี่ยนไปทำงานอื่น เนื่องจากงานแบบนี้ต้องทำงานกับคอมวันละ 8 ชั่วโมงและมี OT บ้าง จึงต้องอาศัยความอึดระดับหนึ่ง

 

 

กว่าที่งานจะเสร็จออกมาได้นั้นพวกเขาต้องแก้ปัญหากันมากมาย ทั้งงานเร่ง การปรับเปลี่ยนเนื้องาน แต่ทุกอย่างก็สำเร็จตามเวลา “ยอมรับเลยว่าเป็นงานที่เหนื่อยที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ร่างแทบแหลก แต่พอได้ไปดูผลงานที่เสร็จมันทำให้เราภูมิใจว่าเราก็ทำได้”

กว่า 8 ปี ที่เดวิดทำงานอยู่กับงานวิชวล ทำให้เขาได้รับประสบการณ์และรู้ว่างานนี้มันไม่ง่ายเลย เพราะประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในทุกๆ งาน และมันจะช่วยเราได้มากที่สุดในอนาคต

 

 

สำหรับใครที่สนใจและอยากจะทำงานเบื้องหลังแบบเดวิด เจ้าตัวได้บอกว่า “ต้องมีใจรักและสนใจทางด้านนี้ก่อนครับแล้วต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับงานนี้บ้าง บางคนเก่งศึกษาเองได้ครับ บางคนก็ต้องไปหาเรียนเอาตามโรงเรียนสอน พอเรียนเสร็จก็ต้องมาทำ Port เพื่อนเอาไว้ส่งบริษัทต่างๆ ครับ

“แต่ถ้าใครมีทุนก็ไปเรียนนอกก็ได้ครับ ที่ลอนดอนกับแวนคูเวอร์ตอนนี้เป็นตลาดใหญ่ คนไปเรียนต่อมีสิทธิ์ได้งานเยอะครับ แต่ถ้าอยู่ไทยก็อย่าหมดหวังครับ ทำงานที่ไทยสัก 2-3 ปี เตรียม Port ฝึกภาษาให้พร้อม ถึงเวลาก็ลองหย่อนงานไปต่างประเทศได้ครับ คนไทยเดี๋ยวนี้ไปทำงานนอกเยอะมากครับ”

 

เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น

Comments

Leave a Reply