ช็อกโกแลตอาจจะสูญพันธุ์ภายในอีก 40 ปี หลังพบวิกฤตสภาพอากาศในโลกที่เปลี่ยนไป

ช็อคโกแลต น่าจะเป็นขนมหวานสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ไม่เพียงแต่มันจะมีรสชาติเอร็ดอร่อยเท่านั้น แต่งานวิจัยยังพบว่าการทานช็อคโกแลตยังทำให้รู้สึกมีความสุขจากสารเอ็นโดรฟินอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าสะดวกซื้อจะมีขนมช็อคโกแลตวางขายให้เห็นเต็มไปหมด

แต่เชื่อหรือไม่ มีข่าวว่าช็อคโกแลตที่เราชอบทานอาจจะสูญพันธุ์ภายใน 40 ปี เนื่องจากสภาพอากาศของโลกที่กำลังร้อนและแห้งแล้งขึ้นนั่นเอง

 

 

ปกติแล้วต้นโกโก้นั้นจะเติบโตได้พื้นที่บริเวณ 20 องศาเหนือและใต้จากเส้นศูนย์สูตร ที่มีอุณหภูมิ ฝน และความชื้นที่คงที่ตลอดทั้งปี ดังนั้น ผลผลิตโกโก้ครึ่งหนึ่งของโลกจึงมาจากสองประเทศในแอฟริกาตะวันตกเท่านั้น ซึ่งก็คือไอวอรีโคสต์และกานา

 

 

แต่ราวๆ ปี 2,050 พื้นที่ปลูกโกโก้จะลดน้อยลงไปอีก สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นจะทำให้ต้องนำโกโก้ไปปลูกบนเขาสูงที่มากกว่า 1,000 ฟุต ซึ่งเป็นพื้นที่สงวนไว้สำหรับสัตว์ป่าเท่านั้น

เหล่านักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียจึงร่วมมือกับบริษัท Mars เพื่อหาหนทางการแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่จะสายเกินไป และพวกเขาก็ค้นพบเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรมที่เรียกว่า CRISPR ที่ถูกคิดค้นโดย UC Berkeley Innovative Genomics Institute ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เมล็ดพันธุ์โกโก้ทั้งหลายก็จะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งมากขึ้นกว่าเดิม

 

 

นอกจากนี้ทางบริษัท Mars เองก็ใช้งบประมาณไปกับการช่วยลดภาวะโลกร้อนโดยการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นผลมาจากกระบวนการผลิต โดยคาดว่าในปี 2050 จะสามารถลดได้ถึง 60%

ขณะที่หลังจากข่าวการสูญพันธุ์ของโกโก้แพร่กระจายออกไป กลับมีข้อมูลจาก Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ที่บอกว่าที่จริงแล้วสภาพอากาศในอีก 40 ปีข้างหน้าจะกระทบการปลูกโกโก้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยประเทศกานา จะมีสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.1ºC  จึงทำให้ “มีพื้นที่การปลูกโกโก้น้อยลง” ส่วนในประเทศโกตดิวัวร์ก็แค่ “เกือบปลูกไม่ได้เลย” เท่านั้นเอง

 

อนาคตของช็อคโกแลตจะเป็นอย่างไร ก็คงต้องรอให้มีการศึกษาและค้นคว้ากันต่อไปล่ะนะ

 

ที่มา: Weforum และ Snopes

Comments

Leave a Reply