กองทัพสหรัฐ ทดลองฝังชิปลงในสมองมนุษย์ ซึ่งอาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้ในทันใด

เราอาจเคยเห็นในหนังบางเรื่องที่มีการฝังชิปเอาไว้ในสมองเพื่อควบคุมคนคนนั้นได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งตอนนี้การฝังชิปควบคุมอาจไม่ใช่สิ่งที่เราจินตนาการกันต่อไป เมื่อนักวิจัยในสหรัฐอเมริกาสามารถพัฒนามันขึ้นมาได้จริงๆ

นี่คือเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ใน สำนักงานวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม (DARPA) ของทหารสหรัฐอเมริกา พวกเขากำลังพัฒนาการฝังไมโครชิปลงในสมองของมนุษย์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์

 

 

เหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและโรงพยาบาล Massachusetts General ผู้ออกแบบเจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้บอกว่า มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ที่มีความผิดปกติทางอารมณ์

Edward Chang นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบอกว่า “เรากำลังศึกษาว่าขอบเขตการทำงานของมันสามารถทำได้มากถึงขนาดไหน”

จากการทดสอบกับผู้ป่วยลมชักจำนวน 6 คนพบว่า เจ้าชิปดังกล่าวสามารถรับรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในสมองของพวกเขาบ้าง และเมื่อติดตามดูผลไป 1-3 สัปดาห์พบว่า สามารถแกะรหัสเพื่อรับรู้ว่าคนคนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนได้อีกด้วย ซึ่งมันตรงกับที่สีหน้าที่พวกเขาแสดงออกมา

ต่อมานักวิจัยได้ทำการส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นสมองผ่านชิปตัวดังกล่าว ผลที่ได้คือผู้รับการทดลองจะตัดสินใจและทำสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

 

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า การฝังชิปลงไปในสมองแบบนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้มีความผิดปกติทางอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นโรคพาร์กินสัน หรือแม้แต่ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง อีกทั้งยังช่วยให้พวกเขาสามารถมีสมาธิ โฟกัสอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้

การพัฒนายังคงมีต่อไปเรื่อยๆ โดย Alik Widge ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมจากโรงพยาบาล Massachusetts General บอกว่า “สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ไม่สามารถใช้อ่านใจได้ แต่เราต้องการที่จะพัฒนาให้มันอ่านความรู้สึกของคนคนนั้นได้”

อย่างไรก็ตาม เจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อาจทำให้หลายๆ คนห่วงในเรื่องของจรรยาบรรณและหลักศีลธรรมว่า มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่กับการฝังชิปอ่านข้อมูลลงไปในสมอง แต่ทางนักวิจัยทุกคนยืนยันว่าพวกเขาพยายามควบคุมในเรื่องนี้และจะไม่ให้มันผิดไปจากสิ่งที่ควรเป็น

 

 

นับว่าเป็นอีกเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่เชื่อว่าในอนาคตมันอาจเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน

 

ที่มา: dailymail

Comments

Leave a Reply