แพทย์ถึงกับไปไม่เป็นหลังเห็นรอยสักว่า ‘อย่าช่วยชีวิต’ อยู่บนหน้าอกของผู้ป่วยที่ไม่ได้สติ

หมอมีหน้าที่ช่วยเหลือคนไข้ให้สามารถรอดชีวิตจากความตายมาได้ แต่แน่นอนว่าความต้องการของคนไข้เองก็เป็นส่วนสำคัญเพราะปัจจุบันได้มีกฎหมายที่คนไข้สามารถเลือกที่จะปล่อยให้ตัวเองตายก็ได้ แล้วถ้าคนไข้ไม่ได้พูดกับหมอตรงๆ แต่บอกผ่านรอยสักเหมือนชายคนนี้ล่ะ คุณหมอจะตัดสินใจช่วยเขาดีหรือไม่?

สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา เมื่อชายแก่วัย 70 ปีถูกพบในสภาพเมาหมดสติ ก่อนที่จะถูกนำตัวมาที่โรงพยาบาล แต่ในตอนที่หมอกำลังจะทำการช่วยชีวิตเขาอยู่นั้นเอง ก็ได้เจอกับรอยสักที่เขียนไว้ว่า “อย่าช่วยชีวิต” อยู่บนหน้าอกของเขา

 

รอยสักบอกไว้ว่า “อย่าช่วยชีวิต”

 

ความสับสนที่เกิดขึ้นนี้ได้ถูกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ Daily Mail วันที่ 30 พฤศจิกายน 2017 นายแพทย์ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องช่วยกันตัดสินใจว่าพวกเขาควรทำตามความต้องการของคนไข้หรือควรทำตามหน้าที่ของตนเองกันแน่

นายแพทย์ Greg Holt หนึ่งในหมอผู้อยู่ในเหตุการณ์อธิบายว่าตามกฎหมายแล้ว คนไข้มีสิทธิ์เลือกให้ตัวเองได้ โดยที่หมอจะไม่ทำการช่วยชีวิตใดๆ เลยทั้งสิ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะต้องทำการเซ็นแบบฟอร์มข้อตกลงของคนไข้และแพทย์เสียก่อน

 

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า รอยสักคือความต้องการของคนไข้จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่การสักเล่นๆ ตอนวัยรุ่นกันแน่ จึงทำให้การตัดสินใจเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพราะนี่คือเรื่องของความเป็นตายของคนเลยทีเดียว

จนกระทั่งนายแพทย์ Greg ตัดสินใจยื้อชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ โดยการควบคุมความดันเลือดที่สูงมากของคนไข้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะยังคงไม่แน่ใจกับความต้องการที่แท้จริงของคนไข้

 

 

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ให้การปรึกษาด้านจริยธรรมและทีมแพทย์จำนวนมากได้ประเมินสถานการณ์ทุกอย่างทั้งหมดแล้ว และพวกเขาก็ได้เลือกที่จะปล่อยให้ชายแก่คนนี้ตายไปในที่สุด ตามความต้องการที่อยู่บนรอยสัก

นายแพทย์ Greg อธิบายว่า “รอยสักนี้ติดอยู่ที่อก ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญในการช่วยชีวิต แสดงให้เห็นว่าคนไข้คนนี้มีความรู้เรื่องการรักษามาพอสมควรและเชื่อได้ว่านี่คือความต้องการของเขาจริงๆ”

สุดท้ายแล้วการตัดสินใจในครั้งนั้นของทุกคนก็ไม่ได้ผิดพลาดแต่อย่างใด เพราะหลังจากนั้น 2 ชั่วโมงก็ได้พบกับแบบฟอร์มที่คนไข้ได้เซ็นเอาไว้ว่า ให้แพทย์ปล่อยตัวเองตายไปโดยที่ไม่ต้องทำการช่วยชีวิตใดๆ นั่นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้สึกโล่งอกที่การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นไปตามความต้องการของเขา

 

 

ที่มา: dailymail

Comments

Leave a Reply