กองกำลังที่ถูกลืม หน่วยรบสำคัญผู้เป็นเบื้องหลังกองทัพสหรัฐฯ ที่เป็นชาวเอเชียอเมริกัน…

หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า… หนึ่งในกองกำลังทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามหลังเหตุการณ์ที่ Pearl Harbour มีกองกำลังที่ชื่อว่า ‘Nisei’ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นผู้อาศัยในสหรัฐฯ แทบทั้งสิ้น!!

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่นลูกของชาวญี่ปุ่นที่ก่อนหน้านี้ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ก่อนแล้ว และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ ‘Nisei’ หน่วยรบสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะของกองทัพสหรัฐฯ ในยุคนั้น…

 

ภาพของกองกำลัง 442nd Regimental Combat Team เมื่อปี 1944

 

ถ้าจะให้สาวเรื่องราวการก่อตั้งหน่วยกองกำลังพิเศษนี้ขึ้นมา คงต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1941 หลังกองทัพญี่ปุ่นบินมาถล่ม Pearl Harbour

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือกระแสสังคมชาวอเมริกัน ที่หันมาเกลียดชังคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ แต่กระนั้นทางรัฐบาลก็ได้ยื่นข้อเสนอโดยให้ผู้ชายชาวญี่ปุ่นทั้งหมดเลือกว่า จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง หรือจะถูกจัดให้เป็น ‘ศัตรู!!’

 

 

แต่ก็ใช่ว่าทางการจะส่งตัวเหล่าชายฉกรรจ์สัญชาติญี่ปุ่นไปเป็นทหารทันที เพราะในช่วงแรกพวกเขาถูกส่งตัวมายังค่ายกักกันบนเกาะฮาวาย…

ลองนึกภาพดูว่า จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มหลายพันคนย้ายมาอาศัยบนเกาะที่มีพื้นที่จำกัด แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น พวกเขามีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจและแรงงานต่างๆ บนเกาะฮาวายกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

 

วันที่ 15 กรกฎาคม 1942 ทางการได้ออกคำสั่งให้ชายฉกรรจ์ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายมาอยู่ในค่ายกักกันทั้งหมด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบ 100th Infantry Battalion

ภาพการฝึกหน่วยรบทหารโดยใช้ระเบิด

 

กองกำลัง 100th Battalion ที่เป็นชาวญี่ปุ่นทั้งหมด ถูกทางการสหรัฐฯ ฝึกฝนเอาไว้อย่างดีตลอดระยะเวลา 1 ปีที่อาศัยอยู่ในค่ายกักกัน

แน่นอนว่าจากการปลูกฝังความเชื่อค่านิยมต่างๆ ชายหนุ่มญี่ปุ่นหลายคนอยากกลับไปแก้แค้นในสิ่งที่รัฐบาลญี่ปุ่นทำไว้กับสหรัฐฯ แต่ทางการสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำถึงขนาดที่จะเกณฑ์คนชาติเดียวกันมาเข่นฆ่ากันเอง

เพราะกองกำลังทั้งหมดถูกส่งไปประจำการที่สมรภูมิในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และด้วยผลงานการรบต่างๆ ทำให้พวกเขาได้รับฉายาว่าเป็น “The Purple Heart Battalion”

 

ทหารญี่ปุ่นจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ถูกส่งมาประจำการที่ฝรั่งเศส.

 

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในช่วงนั้น สมรภูมิรบในแถบยุโรปและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ล้วนแล้วตกอยู่ภายใต้การเข้ามาของหน่วยทหาร 100th และ 442nd

 

พวกเขาสามารถไล่กองทัพเยอรมันออกจากประเทศอิตาลีได้ อีกทั้งยังปลดแอกอิสรภาพให้แก่ชาวเมืองฝรั่งเศสได้อีกด้วย

 

จากผลงานการช่วยเหลือเพื่อนทหารฝั่งสัมพันธมิตร ที่พ่ายแพ้ให้กับกองทัพเยอรมัน ทำให้ต่อมากองทัพ 100th Battalion และ 442nd Infantry มีกองกำลังเสริมทัพเพิ่มมากขึ้นถึง 18,143 คน..!!

 

ในยุคนั้นถึงกับมีสแลงใช้พูดในหมู่ทหารว่า ‘Go For Broke’ ซึ่งหมายถึง ‘Shooting for work’ นั่นเอง

 

แม้ว่าผลงานการรบของทหารเชื้อชาติญี่ปุ่นจะเป็นไปตามแผนที่กองทัพสหรัฐฯ วางไว้ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตหลังสงครามของเหล่าทหารกล้าจะได้รับการให้เกียรติเฉกเช่นเดียวกับชาวอเมริกันชนทั่วไป

เพราะหลังจบภารกิจ พวกเขาก็ต้องกลับมาพบว่า ‘คนญี่ปุ่น’ กลายเป็นชนชั้นสองของสังคมที่ถูกกีดกันมากที่สุดในยุคนั้น มีการติดป้ายขับไล่ตามร้านค้าในเมือง และนายทหารหลายคนก็ต้องเผชิญปัญหาไม่มีงานทำหลังจบสงคราม

 

แต่ประธานาธิบดี Harry S. Truman ก็ได้ออกมาปกป้องและช่วยสนับสนุนให้ชาวญี่ปุ่นได้มีที่ยืนในสังคมอีกครั้ง

 

ในตอนนั้นประธานาธิบดี Harry ได้กล่าวคำปราศัยถึงชาวญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันยากลำบากหลังกลับจากสมรภูมิรบเอาไว้ว่า

“การกระทำแบบนี้คือตัวสะท้อนให้เราเห็นว่า ชาวอเมริกันส่วนหนึ่งยังยึดถือแนวคิดของฝั่งนาซีไว้อยู่ และนั่นก็ทำให้เรารู้สึกอับอายมากเช่นกัน

ทุกภารกิจที่พวกเขาได้ทำเพื่อเรานั้น หาใช่แค่การต่อสู้เพื่อเชื้อชาติหรือความเป็นอเมริกันชนเท่านั้น หากแต่มันคือการต่อสู้เพื่อมวลมนุษยชาติ พวกเขาไม่ได้เอาชนะศัตรู แต่มันคือการเอาชนะมายาคติที่เป็นอันตรายต่อเราทุกคน”

 

 

และทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ‘Nisei’ กับเบื้องหลังความสำเร็จของกองทัพสหรัฐฯ ในยุคนั้น…

ที่มา: Nextshark

Comments

Leave a Reply