นักชีววิทยาเผยความลับของ ‘ต้นสนเผือก’ มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่มีคลอโรฟิลล์!?

โดยปกติแล้วเราคงจะคิดกันว่าพืชทั้งหลายนั้นใช้คลอโรฟิลล์ที่ผลิตจากแสงอาทิตย์มาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกมันรอดชีวิต และจะเห็นได้ว่าพืชส่วนใหญ่นั้นจะมีสีเขียว เพราะมีคลอโรฟิลล์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งถ้าหากพืชไม่สามารถที่จะผลิตคลอโรฟิลล์ได้ นั่นก็หมายถึงชีวิตที่ไม่อาจอยู่รอดได้อีกต่อไป

แต่สำหรับเจ้าต้นสนที่มีชื่อว่า ‘Albino Redwoods’ (สนเผือก) หรือที่รู้จักกันในชื่อต้นสน Redwood Chimeras ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Humboldt Redwoods State Park รัฐแคลิฟอร์เนีย กลับมีแต่ใบสีขาว!?

 

 

ต้นสน Redwood ขนาดใหญ่ในอุทยาน บางต้นก็จะมีใบสีเขียวและสีขาวปะปนกันไปอย่างละครึ่ง ซึ่งจริงๆ ส่วนที่มีสีขาวมันควรจะตายไปแล้ว แต่กลับยังมีชีวิตอยู่และเติบโตต่อไปได้เรื่อยๆ

ความลึกลับซับซ้อนของต้นสน Albino Redwood นั้นได้สร้างความสับสนงงงวย และเป็นปริศนาที่ท้าทายเหล่านักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก

 

 

จนในที่สุด Zane Moore นักชีววิทยารุ่นเยาว์ก็ได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาศึกษาอย่างจริงจังว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้เจ้า Albino Redwood ยังมีชีวิตอยู่ได้แม้ไม่มีคลอโรฟิลล์นั้นเป็นเพราะเรื่องราวลึกลับ หรือเพราะกลไกทางธรรมชาติกันแน่!?

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 เป็นครั้งแรกที่ Moore ได้ยินข่าวของต้นสนเผือกที่ถูกพบอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Humboldt Redwoods State Park ผ่านทางคลื่นวิทยุ เป็นสิ่งที่จุดประกายความสนใจของเขาตั้งแต่นั้นมา

เขาก็เลยรีบเดินทางไปที่อุทยานเพื่อชมให้เห็นกับตาของตัวเอง จากการช่วยเหลือของนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ก็ทำให้ทราบว่ามีต้นสนเผือกทั้งหมด 411 ต้นอยู่ในพื้นที่ป่าสนที่มีพื้นที่กว้างกว่า 1 ล้านเอเคอร์

บางครั้งพวกมันก็ถูกเรียกว่า ‘ภูติผีแห่งป่า’ โดยเหตุผลที่ถูกเรียกแบบนี้ก็เป็นเพราะว่า “มันไม่ควรมาอยู่ที่นี่ มันควรจะตายไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่ตาย เหมือนกับเป็นผีเลยล่ะ” Moore กล่าว

การศึกษาค้นคว้ายังคงดำเนินต่อไปหลายปี มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้สรุปว่าเจ้าสนเผือกนี้เป็นพืชปรสิต แต่สำหรับนาย Moore แล้วกลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล…

 

 

เพราะถ้ามันเป็นปรสิตจริงๆ ทำไมมันถึงอยู่ด้วยกันได้ตั้งหลายปีแถมยังไม่ทำให้ต้นสน Redwood สีเขียวเหี่ยวเฉาตายไปเพราะแย่งสารอาหาร แต่กลับเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กันได้เรื่อยๆ

มันต้องมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้แน่ๆ ในความสัมพันธ์ระหว่างต้นสนทั้งสองชนิดนี้ นาย Moore จึงได้ร่วมมือกับ Tom Stapleton นักศัลยกรรมต้นไม้ใหญ่เพื่อทำการศึกษาถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกครั้ง

และก็ได้พบกับข้อมูลที่น่าสนใจ เพราะเหล่าต้นสนเผือกทุกต้นนั้นถูกพบอยู่ที่บริเวณด้านนอกของอุทยาน Humboldt Redwoods State Park ทั้งหมด

จากการตรวจสอบแล้วก็พบว่าสภาพแวดล้อมและดินตรงพื้นที่แถบนี้มีความแตกต่างจากพื้นที่ส่วนอื่นในอุทยาน ทำให้ต้นสน Redwood สีเขียวไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แต่กลับกันเจ้าต้นสนเผือกกลับเจริญเติบโตได้

หลังจากที่ตรวจสอบสภาพของดินในพื้นที่แถบนี้แล้วก็พบว่ามันมีปริมาณของธาตุโลหะหนักอย่างเช่น นิกเกิล, ทองแดง,และ แคดเมียม มากกว่าที่อื่น

นอกจากนี้ก็ได้มีการตัดชิ้นส่วนของเจ้าต้นสนเผือกและต้นสนสีเขียวไปตรวจสอบ ก็พบว่าตัวสนเผือกนั้นมีธาตุโลหะหนักสูงมากกว่าต้นสนธรรมดาถึง 1 เท่าเลยทีเดียว

 

 

ธาตุโลหะปริมาณขนาดนี้สามารถฆ่าพืชทั่วๆ ไปให้ตายได้ แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘เหล่าผี’ ตัวธาตุโลหะหนักนี้เองที่เป็นตัวยับยั้งไม่ให้เกิดคลอโรฟิลล์ ทำให้เจ้าสนเผือกมีสีขาวอย่างที่เห็น

สำหรับเจ้าสนเผือกมันกลับปรับตัวและสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้โดยที่ไม่ต้องใช้การสังเคราะห์แสง ด้วยการแบ่งสารอาหารมาจากต้นสนธรรมดา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นพืชปริสิตอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ได้ว่าเอาไว้

แต่มันก็ไม่ได้เป็นฝ่ายพึ่งพาผู้อื่นเพียงอย่างเดียว เพราะสนเผือกได้ตอบแทนเจ้าสนเขียวด้วยการดูดธาตุเหล็กหนักเข้ามาอยู่ในตัวของตัวเองเพื่อทำให้สนเขียวนั้นปลอดภัยจากพิษร้าย

 

 

แต่จากการศึกษาของ Moore ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมดว่าเพราะเหตุใดเจ้าสนเผือกถึงยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ เพราะพวกมันได้รับปริมาณคลอโรฟิลล์ที่น้อยเหลือเกิน จนไม่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตเสียด้วยซ้ำ

ซึ่งจากการศึกษาของ Moore นั้นก็ยังเป็นเพียงทฤษฎีตั้งต้นเท่านั้น ยังไม่ได้ยืนยันแบบฟันธงว่ามันจะเป็นแบบนี้จริงๆ เพราะยังต้องการข้อมูลในด้านต่างๆ อีกมากมายเพื่อนำมาสรุปรวบยอดกันอีกครั้งหนึ่ง

 

ลองไปชมคลิปเพิ่มเติมกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…

ที่มา : odditycentral

Comments

Leave a Reply