ย้อนอดีต สึนามิปี 2011 ในญี่ปุ่น ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ หลังจากนั้นเปลี่ยนไปแค่ไหน!!

ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นภัยที่ยากต่อการรับมือโดยเฉพาะสึนามิ ที่ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนก็สร้างความเสียหายมากมายมหาศาลทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน

นี่ก็ผ่านไป 7 ปีแล้ว นับแต่การเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุในประเทศญี่ปุ่น

เป็นเหตุทำให้เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิตามมาด้วย ถือเป็นการระเบิดของไฮโดรเจนที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล

 

 

จากเหตุการนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18,000 คน และต้องทำการอพยพผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ออกจากพื้นที่กว่า 100,000 คน

วันนี้เราจึงนำภาพก่อนและหลังที่เกิดสึนามิที่ถ่ายในปี 2011 และปี 2016 ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ คลื่นยักษ์และอุบัติเหตุจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์

 

แผ่นดินไหวเกิดในเวลา 2.46 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 ทำให้เมืองเคะเซ็นนุมะ มีสภาพพังยับเยิน โดยสึนามิได้พัดเอาเรือประมงขนาดใหญ่ขึ้นฝั่งด้วย

 

หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวไปไม่ถึงชั่วโมง คลื่นสึนามิขนาดใหญ่ก็ซัดขึ้นมาบนฝั่ง

 

เมืองนะโตะริ ได้รับผลร้ายแรงที่สุด ทั้งๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีแรงสั่นสะเทือนน้อยสุด

 

เมืองริคุเซนทะกะตะ ได้รับผลกระทบจากคลื่นสูง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,700 คน

 

ในบางพื้นที่เจอกับคลื่นสูงถึง 38 เมตร

 

หลังจากเกิดสึนามิในครั้งนั้น ก็ได้มีการสร้างแนวกันคลื่นไว้เพิ่มลดความเสียหายที่เกิดขึ้นในอนาคต

 

เมืองนาราฮะ ได้รับผลกระทบจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่มีการระเบิดในระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม 2011 เกิดการระเบิด 3 ครั้งต่อเนื่อง เนื่องจากเกิดภัยสึนามิจนเข้าไปทำลายระบบระบายความร้อนของโรงงาน

 

มีการทำแนวป้องกันน้ำท่วม 12 เมตร บนชายฝั่งที่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอนากาว่า

 

ในขณะที่ปี 2013 บริษัทพลังงานไฟฟ้าของโตเกียวรายงานว่ามีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีประมาณ 300 ตันในมหาสมุทรแปซิฟิกทุกวัน

 

ภัยธรรมชาติจะเกิด คงไม่มีใครห้ามได้ แต่ทางที่เราจะพอบรรเทาได้คือการหันมาดูแลปกป้องทรัพยากรมากขึ้น และเตรียมรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้เสมอ ที่สำคัญถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน

เราไม่อาจหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติได้ แต่เราสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและเตรียมรับมือให้พร้อมกับสถานการณ์ในอนาคตได้

ที่มา businessinsider

Comments

Leave a Reply