ถึงขั้นที่พระออกมาวิจารณ์ว่า ‘เมืองไทย’ คือเมืองพุทธแบบดัดจริต กับความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นจริง

ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับมือทองคนหนึ่งที่มีข่าวคราวอยู่ในกระแสตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ สำหรับพชร์ อานนท์ ที่เมื่อปี 2015 ประสบความสำเร็จในแง่รายได้ไปกับหนังเกี่ยวกับพระ หลวงพี่แจ๊ส 4G

 

2

 

ล่าสุดก็มีข่าวออกมาอีกว่าเจ้าตัวกำลังเตรียมที่จะทำหนัง หลวงพี่แจ๊ส 5G ที่เป็นภาคต่อของหลวงพี่แจ๊ส 4G แต่เนื่องจากเป็นหนังที่นำเอาพระมาเป็นตัวละครนำ ซึ่งส่วนใหญ่มีความตลกโปกฮาแฝงอยู่

งานนี้จึงทำให้พระบางรูปถึงกับออกมาแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์กันเลยทีเดียว

 

1

 

อย่างเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พระไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ออกมาโพสต์ข้อความวิจารณ์ถึงหนังพระเรื่องใหม่ของพชร์ อานนท์ที่กำลังเตรียมงานเพื่อเข้าฉายโรงภาพยนตร์ในอนาคตว่า

 

“เมืองไทยคือเมืองพุทธแบบดัดจริตมากมาก นี่พูดอย่างไม่เกรงใจ”

“เป็นเมืองพุทธที่ชาวบ้านมองพระเป็นตัวตลก เฮฮา โง่เง่า งมงาย ยังไงก็ได้ เอาไปสร้างหนังเพื่อเรียกเสียงหัวเราะยังไงก็ได้ แต่เป็นเมืองพุทธที่มองพระอย่างที่เป็นพระในสังคมจริงจริงไม่ได้ เอาพระที่กินเหล้าเมายา พระที่มีอารมณ์ทางเพศ มีความรู้สึกโลภโกรธหลง ไปสร้างเป็นหนังเพื่อสะท้อนความเป็นจริงไม่ได้”

“กับหนังปัญญาอ่อนพวกนี้ ดูเหมือนคนจะไม่ค่อยตั้งคำถามถึงสิ่งที่จะได้หรือผลกระทบต่อศาสนาเท่าไหร่เลย ไม่เหมือนกับหนังที่กระตุกความคิดคนอย่าง ศพไม่เงียบ หรือ นาคปรก และอาปัติ เป็นต้น ที่ยังไม่ทันจะฉาย คนก็ออกมาโวยวายกันเสียแล้ว”

 

3

 

ความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับหนังพระของพชร์ อานนท์ แต่ที่ผ่านๆ มาเราก็มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

ไม่ว่าจะเรื่องของการนับถือทศกัณฐ์ให้กลายเป็นของสูง แตะต้องไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเพียงตัวละครในวรรณคดีที่ถูกแต่งขึ้นเท่านั้น

6

 

หรืออย่างหนังอาปัติ ที่เป็นการตีแผ่ด้านมืดของศาสนาจนทำเอาชาวพุทธหลายๆ กลุ่มถึงกับรับไม่ได้ ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมเองก็สั่งให้ทีมงานไปตักต่อหนังมาใหม่เพื่อลดทอนความรุนแรงลง

แต่ชาวพุทธหลายคนกลับไม่รู้สึกอะไรเมื่อได้ดูหนังที่นำเอาพระมาเป็นตัวตลก เกิดเป็นความย้อนแย้งในสังคมให้เราได้เห็นกัน
7

 

หรือถ้าใครยังจำกันได้ ครั้งหนึ่งเคยมีเรื่องราวของวงดนตรีต่างชาติทั้งตะวันตกและประเทศญี่ปุ่น นำจีวรพระไปเป็นชุดคอสตูมเล่นคอนเสิร์ต ก็กลายเป็นเรื่องให้คนไทยดราม่ากันได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในดินแดนนี้เลยด้วยซ้ำ

แต่บางส่วนก็บอกว่า พวกเขานั้นก้าวข้ามรูปลักษณ์และสิ่งนอกกายไปแล้ว การที่เอาจีวรไปเป็นพร็อพประกอบมันก็แค่เรื่องธรรมดา อย่างหนังไทยเอามาเป็นเรื่องตลกโปกฮามันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ!? ทำไมแบบนี้ไม่ดราม่ากันบ้าง!?

(แถมหนังที่ออกมายังยึดโรงฉาย ทำให้หนังเรื่องอื่นๆ ไม่มีพื้นที่ฉายอีก นั่นนนนนน)

 

หลังจากที่มีข่าวว่าพชร์ อานนท์กำลังจะสร้างหนังพระเรื่องใหม่ ชาวเน็ตก็ได้แสดงความคิดเห็นกันเข้ามาอย่างมากมาย พวกเขาจะว่ายังไงกันบ้างลองไปชมกัน

สหายสุดเท่ห์ เกิดมาหล่อฟรีไม่มีใครเอา “เหยียดศาสนา เหยียดเพื่อนบ้าน คืองานของผู้กำกับหนังไทย”

Bundit Tinochai “เป็นที่พม่าคงโดนข้อหาหมิ่นศ่านาไปแล้ว”

Jarusit Trongjit “ผมว่าหลวงท่านไม่ได้หมายถึง ล่อเลียนพระไม่ได้ แต่หมายถึงทำไมทำเป็นตลกได้ ทำสท้อนความจริงโดนแบน ทำนองนี้มั้งครับ”

Peeraphon Thanmanowong “ไม่แปลกหรอกครับ ทุกวันนี้คนจำนวนนึงก็ ทั้งตามจริต สนองจริต และดัดจริต กันอยู่มากน้อยต่างกันออกไป”

อ้อน วังลอย “ทศกัณฐ์หยอดขนมครกเตะไม่ได้ อย่างกับเป็นศาสดาของศาสนา พระสงฆ์เป็นผู้สำรวมเป็นเนื้อนาบุญ เป็นพุทธบริษัท4 เอามาตลกโปกฮาก็ได้เพราะเงิน”

 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ #เหมียวฟิ้นก็ไม่ได้บอกว่าเรื่องของพระ เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ไม่ควรแตะต้องหรือไม่ควรนำเสนอนะ

แต่หากสังคมไทยเรามีบรรทัดฐานหรือมตรฐานอยู่ เราควรจะนำเสนอมันทั้งในแง่ดีหรือในแง่ที่คนก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันไม่เหรอ? แล้วทุกๆ คนล่ะมีความเห็นว่ายังไงกันบ้าง ลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ

emo-130

ที่มา ไพรวัลย์ วรรณบุตร

เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น

Comments

Leave a Reply