พบโครงกระดูกเด็ก 269 คน และลามะ 466 ตัว ถูกบูชายัญในเปรูเมื่อ 500 ปีก่อน และยังไม่ทราบว่าเพราะอะไร

เป็นเรื่องที่เราทราบกันว่าการบูชายัญเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมโบราณหลากหลายแห่งในโลกไม่ว่าจะเป็นเผ่ามายา แอซเท็ก หรือแม้กระทั่งชาวอียิปต์โบราณ จนทำให้การค้นพบร่องรอยเหยื่อบูชายัญในอดีตอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรในสายตาของหลายๆ คน

แต่เมื่อล่าสุดนี้เอง ทางนิตยสาร National Geographic ก็ได้ออกมาเปิดเผยการค้นพบที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบูชายัญในอดีตอีกครั้ง

 

 

นั่นเพราะทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติตรูฮีโยได้ค้นพบโครงกระดูกของเด็ก 269 คน ผู้ใหญ่ 3 คน และลามะอีก 466 ตัวซึ่งถูกสังหารในพิธีบูชายัญ ถูกฝังไว้ใต้หาดทรายทางตอนเหนือของประเทศเปรู

โครงกระดูกเหล่านี้ถูกพบเป็นครั้งแรกในปี 2011 โดยเด็กๆ ที่เข้ามาเล่นทรายในพื้นที่โดยบังเอิญ และคาดกันว่ามีอายุอยู่ที่ราวๆ 550 ปี ก่อนที่ทีมนักโบราณคดีจะถูกเชิญเข้ามาสำรวจในปี 2016

 

 

นี่นับว่าเป็นการบูชายัญเด็กที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านๆ มาหลักฐานการบูชายัญเด็กที่ใหญ่ที่สุดของโลกนั้นอยู่ที่เมืองโบราณของแอซเท็กและมีเหยื่ออยู่แค่ 42 รายเท่านั้น

โครงกระดูกส่วนใหญ่ที่ถูกฝังที่นี่จะมีร่องรอยการถูกของมีคมตัดผ่านกระดูกสันอกและซี่โครงซึ่งพบได้ในพิธีการบูชายัญ แถมร่างของเด็กๆ ยังมักถูกฝังด้วยท่าทางแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝังคว่ำหน้าหรือนอนขดตะแคงข้าง

 

 

ที่ผ่านๆ มาการบูชายัญครั้งใหญ่ในอดีตมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างฝนตกหนักจนน้ำท่วม อย่างไรก็ตามในพื้นที่การทำพิธีในครั้งนี้กลับไม่มีร่องรอยว่าเคยถูกน้ำท่วมหรือฝนตกอย่างต่อเนื่องในอดีตปรากฏให้เห็นเลย

นั่นทำให้ในปัจจุบันทีมนักโบราณคดีจึงไม่อาจบอกได้ว่าการบูชายัญเด็กและตัวลามะจำนวนมากมายขนาดนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ว่าคนกลุ่มไหนกันที่บูชายัญเด็กมากขนาดนี้

ศาสตราจารย์มานุษยวิทยา John Verano ผู้เป็นหนึ่งในทีมงานสำรวจบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวิจัยครั้งนี้นั้นอยู่ที่เวลา เพราะพวกเขาจะต้องรีบบันทึกข้อมูลที่พบทั้งหมดอย่างละเอียด ก่อนที่ความเจริญของเมืองจะมาทำลายแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ในอนาคต

 

 

ที่มา nola, nationalgeographic และ businessinsider

Comments

Leave a Reply