Tag: ไฮยีน่า

  • น้องนากกำพร้า สร้างสัมพันธ์อันดีกับพี่สิงโตและไฮยีนา ไม่รู้สึกเกรงกลัวแม้จะตัวเล็กกว่า

    น้องนากกำพร้า สร้างสัมพันธ์อันดีกับพี่สิงโตและไฮยีนา ไม่รู้สึกเกรงกลัวแม้จะตัวเล็กกว่า

    เจ้า Moses คือลูกนากที่ถูกพบริมแม่น้ำในเมือง Bela Bela แอฟริกาใต้ ตอนที่มีผู้ไปเจอมันก็พบว่ามันยืนโต๋เต๋อยู่ริมแม่น้ำ โดยที่ไม่พบว่าพ่อแม่ของมันอยู่ที่ไหน ทางตำรวจผูพบเห็นจึงได้นำตัวมันส่งไปให้กับ Annel Snyman ที่ฟาร์ม Loebies Guest เพราะคิดว่าเธอน่าจะดูแลมันได้ดีที่สุด     เจ้าลูกนากตัวน้อยมีน้ำหนักเพียง 400 กรัมขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือนิดเดียวในตอนแรก แต่ก็ได้คุณ Annel คอยดูแลมันอย่างใกล้ชิด “พระเจ้า ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกับลูกนากตัวน้อยมาก่อนเลย มันตัวเล็กมากๆ ตอนที่มาเจอฉัน” Annel กล่าว     วันเวลาผ่านไปมิตรภาพระหว่างเจ้า Moses กับ Annel ก็เริ่มผูกพันกันมากขึ้น เธอดูแลมันประดุจลูกคนหนึ่ง ซึ่งความน่ารักของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 18 สัปดาห์ มันได้ออกไปเที่ยวเล่นในฟาร์มแล้วได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ๆ อย่างเช่นเจ้าไฮยีน่าตัวนี้ พอมันได้เจอกับเพื่อนใหม่ก็ดูเหมือนว่ามันอยากจะไปเล่นกับเค้าซะงั้น     มิตรภาพที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเจ้า Moses ทำตัวเป็นลูกสมุนเจ้าไฮยีน่า คอยเดินตามเค้าไปทุกแห่ง     นอกจากนี้ยังใจกล้าบ้าเลือดไปทักทายเจ้าป่าอย่างสิงโตกับเสือดาวด้วย เอากับเค้าซิ  แกรู้ไหมว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่ .…

  • พับกบพบกับหมาป่าพันธุ์โมฮอว์ก Aardwolf นี่มันเป็นตัวอะไร ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้!!

    พับกบพบกับหมาป่าพันธุ์โมฮอว์ก Aardwolf นี่มันเป็นตัวอะไร ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้!!

    Aardwolf เจ้าสุนัขป่าที่มาจากสายพันธุ์เดียวกับพวกไฮยีน่า แต่ถ้าหากคุณยังไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าหมาตัวนี้ หรือไม่เคยรู้จักกับมันมาก่อนล่ะก็ นี่ถือเป็นโอกาสดีเลยทีคุณจะได้พบกับความน่ารักและความแปลกของพวกมัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าพวกมันนั้นมาจากสัตว์ตระกูลเดียวกับพวกไฮยีน่า ดังนั้นขนาดและหน้าตาของพวกมันนั้นก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากเหล่าญาติๆ มันซักเท่าไหร่ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้พวก Aardwolf นั้นเท่และดูแปลกตานั้นก็คือขนที่ตั้งขึ้นมาคล้ายกับผมทรงโมฮอว์กของพวกมันนั่นเอง!!   ดีฮะ!! ผม Aardwolf น้อยเองฮะ   คำว่า Aard บนชื่อของพวกมันนั้นเป็นภาษาดัตช์ซึ่งมีความหมายว่าพื้นโลกนั่นเอง ตามธรรมชาติแล้วพวกเจ้าสุนัขป่าเหล่านี้จะมีถิ่นที่อยู่ทางตะวันออกและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พวกมันมักจะอาศัยอยู่ในโพรง ซึ่งเป็นรังเก่าของสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่ขุดทิ้งไว้ นอกจากนี้เจ้า Aardwolf ยังเป็นสัตว์ที่สุดแสนจะขี้อายอีกด้วยนะ     ในช่วงฤดูหนาวพวกมันจะเก็บตัวอยู่แต่ในโพรงเพื่อประหยัดพลังงาน และจะออกล่าอาหารในเวลากลางวัน ซึ่งอาหารสุดโปรดของพวกมันนั่นก็คือพวกปลวกนั่นเอง โดย Aardwolf แต่ละตัวนั้นสามารถกินปลวกได้มากถึง 300,000 ตัวต่อคืนเลยทีเดียว!! เมื่อโตเต็มวัย พวกสุนัขป่าเหล่านี้จะมีขนาดพอๆ กับสุนัขจิ้งจอก และที่สำคัญพวกมันยังเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว และมีคู่เพียงแค่ตัวเดียวตลอดชีวิตอีกด้วย     ถึงแม้จะเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับพวกไฮยีน่า แต่ขนทรงโมฮอว์กนั้นทำให้พวกมันดูแตกต่างไปจากเหล่าญาติๆ ของพวกมัน   และนี่คือพวกลูกๆ ของเจ้า Aardwolf ตอนยังไม่โตก็ไว้ทรงนักเรียนไปก่อนนะเจ้าหมาน้อย!!   เมื่อเริ่มโตขึ้น แผงขนที่หลังก็เริ่มยาวขึ้นที่ละนิดแล้ว!!   ที่อยู่อาศัยหลักของพวกมันนั่นก็คือ โพรงร้างๆ…

  • วัฒนธรรมอันแสนหวาดเสียวกับการให้อาหาร “เหล่าไฮยีน่า” ในยามค่ำคืนแบบเม้าท์ทูเม้าท์

    วัฒนธรรมอันแสนหวาดเสียวกับการให้อาหาร “เหล่าไฮยีน่า” ในยามค่ำคืนแบบเม้าท์ทูเม้าท์

    แทบจะทุกคนนั้นคงจะรู้จัก ไฮยีน่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่เรามักจะเคยได้ยินมาว่า พวกมันมักจะกินซากศพและอยู่รวมกันเป็นฝูง จึงทำให้มองได้ว่ามันเป็นสัตว์ที่ดุร้าย แล้วถ้าสัตว์ที่เราคิดว่ามันไม่เป็นมิตร แต่กลับมีคนคอยไปให้อาหารมันทุกคืนล่ะ กลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่จริงในเมืองกำแพงอันเก่าแก่ที่มีชื่อว่า Harar ในเอธิโอเปีย ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ได้มีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงไฮยีน่ามาอย่างยาวนานนับศตวรรษ     โดยได้มีคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นถึงการให้อาหารที่นอกจากจะให้ผ่านมือแล้วนั้น ก็มีที่ใช้ปากคาบเนื้อสดๆ ป้อนเจ้าไฮยีน่า และเมื่อศึกษาลงไปจากแหล่งข้อมูลในท้องที่เหล่านั้นแล้วก็พบว่ากลุ่มผู้กล้าเหล่านี้ได้คอยให้อาหารไฮยีน่าตามชานเมืองมาเป็นเวลาประมาณ 60 ปีเลยทีเดียว ไกด์ที่เป็นคนท้องถิ่นชื่อว่า Hailu Gashaw ได้บอกกับนักท่องเที่ยวจาก National Geographic ว่า ย้อนกลับไปใน ค.ศ.1550 ได้มีความเชื่อที่ว่าผู้คนในเมืองนี้อยากให้ไฮยีน่าเข้ามาในเมืองด้วยเพราะว่าพวกมันจะช่วยในการกำจัดเศษซากทางการเกษตร และทำให้เมืองสะอาดสะอ้านเพื่อสุขอนามัยของแหล่งที่อยู่อาศัย     ปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวคือเมื่อมีไฮยีน่าป่า เข้ามาทำความเสียหายให้กับพื้นที่ปศุสัตว์ของชาวบ้านในบางคืน จึงทำให้การให้อาหารไฮยีน่ารอบชานเมืองเริ่มจากจุดนั้น เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหามาจนถึงปัจจุบัน เพื่อแน่ใจว่าเจ้าไฮยีน่าจะไม่ไปทำร้ายผู้คน กลุ่มคนที่ให้อาหารจึงจะเดินรอบๆ เมืองและร้องเรียกเหล่านักล่าให้ออกมากินอาหารจากมือหรือปากของพวกเขาเองทุกๆ คืน ซึ่งแน่นอนว่าการที่ต้องเจอไฮยีน่ารุมเข้ามาเป็นฝูงกว่า 30 ตัวคงจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวเอามากๆ แต่เพื่อการใช้ชีวิต มันจึงเป็นเรื่องจำเป็น   คลิปวิดีโอการให้อาหารเหล่าไฮยีน่าในยามค่ำคืน   Mulugeta Wolde-Mariam และ Abbas Yusuf คือคนที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมที่น่าเหลือเชื่อนี้ไว้อยู่ โดยในปัจจุบันได้มีการแสดงเพื่อความบันเทิงเพื่อหารายได้จากนักท่องเที่ยวอีกด้วย หรือในบางครั้งก็จะชวนให้นักท่องเที่ยวได้ลองให้อาหารเหล่าไฮยีน่าเองกับมือ แต่ก็นะไม่ใช่ว่าทุกคนจะกล้าทำอย่างนั้นหรอก นี่อาจเป็นความตื่นเต้นหวาดเสียวที่หลายคนชื่นชอบ แต่ยังไงก็อย่าไปลองเอาเองที่บ้านเชียว…