Tag: โคลนนิ่ง

  • ป๊าดโท๊ะ… Milly ชิวาว่าตัวเล็กที่สุด พร้อมรับสถิติโลก มีร่างแยกด้วยการโคลนนิ่ง 49 ตัว!!

    ป๊าดโท๊ะ… Milly ชิวาว่าตัวเล็กที่สุด พร้อมรับสถิติโลก มีร่างแยกด้วยการโคลนนิ่ง 49 ตัว!!

    คุณคงจะเคยได้ยินเรื่องราวการโคลนนิ่ง “ดอลลี” แกะตัวแรกของโลกมาแล้ว ซึ่งเจ้าดอลลีถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลก ที่มีแฝดมาจากการโคลนนิ่งได้สำเร็จ นับว่าข่าวคราวการโคลนนิ่งนั้นก็หายไปจากโลกนานพอสมควร แต่แล้วก็ต้องตะลึงกันอีกรอบจาก มิลลี เจ้าชิวาว่าวัย 6 ขวบจากปวยร์โตรีโก ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกเป็นสุนัขที่มีร่างโคลนมากถึง 49 ตัว!!     ร่างโคลนของน้องหมา 49 ตัวนี้มาจากมูลนิธิโคลนนิ่ง Sooam Biotech Research กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่เปิดรับโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2006 จนเมื่อปีที่แล้วทางมูลนิธิได้พบกับ Vanesa Semler เจ้าของมิลลี ได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะโคลนนิ่งน้องหมา และขจัดความลึกลับทางด้านพันธุกรรมที่ทำให้น้องเป็นหนึ่งในสุนัขที่พิเศษกว่าใคร     เพราะว่าเจ้ามิลลีนั้น ได้รับบันทึกสถิติว่าเป็นสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกในปี 2012 และทางนักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งใดทำให้น้องตัวเล็กได้ขนาดนี้ ฉะนั้นในเดือนสิงหาคม 2017 นักวิจัยจึงทำการโคลนนิ่งมิลลี จนจำนวนร่างโคลนทะลักเป็น 49 ตัว     โดยพวกเขาอาศัยเทคโนโลยีเดียวกันที่ใช้กับแกะดอลลีเมื่อ 50 ปีที่แล้ว (โอนถ่ายนิวเคลียส) ด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์และนิวเคลียสจากร่างต้น และนำเซลล์ไข่จากสัตว์ที่รับบริจาคมาผสมกัน เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมมาจะถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จนเกิดเป็นตัวอ่อนที่ฝังอยู่ในท้องของแม่อุ้มบุญ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสายพันธุ์เดียวกัน…

  • กุ้งเครย์ฟิชเพศเมียพัฒนาไปอีกขั้น เมื่อพวกมันสามารถ “โคลนนิ่งตัวเอง” ได้ตามธรรมชาติ!?

    กุ้งเครย์ฟิชเพศเมียพัฒนาไปอีกขั้น เมื่อพวกมันสามารถ “โคลนนิ่งตัวเอง” ได้ตามธรรมชาติ!?

    หลายคนที่อ่านแล้วอาจจะงงว่า ห๊ะ!? การโคลนนิ่งมันทำได้ตามธรรมชาติด้วยเหรอ แล้วมันเป็นไปได้ยังไงกัน…ซึ่ง คำตอบก็คือมันเป็นไปได้ และมันเป็นไปแล้วจริงๆ แรกเริ่มเดิมทีรูปแบบการโคลนนิ่งของกุ้งเครย์ฟิชสายพันธุ์ที่ชื่อว่า Marmorkrebs นั้นถูกค้นพบเมื่อปี 1995 ซึ่งนั่นทำให้มันสามารถขยายพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว จนเวลาต่อมาพวกมันกลายเป็นปัญหาที่หนักมากๆ โดยมันเริ่มระบาดจากประเทศเยอรมนี จากนั้นก็ลามไปทั่วยุโรปและแอฟริกา     และด้วยปัญหาดังกล่าวทำให้นักอนุรักษ์ออกมาแบนเจ้ากุ้งสายพันธุ์นี้เด็ดขาด โดยห้ามซื้อขาย ห้ามเลี้ยงดูและที่สำคัญห้ามปล่อยลงแม่น้ำตามธรรมชาติเด็ดขาด!! อย่างไรก็ตาม แม้เราจะเรียกว่ามันเป็นการโคลนนิ่งเพราะมันมียีนส์เหมือนแม่ทุกประการ แต่จริงๆ มันก็คือการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของกุ้งเครย์ฟิชโดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งตัวผู้ แต่พวกมันก็ยังสามารถจะออกไข่ได้ด้วยตัวเอง แถมลูกที่ออกมาก็จะเหมือนกับตัวมันทุกประการ นอกจากนี้นักวิทย์ยังได้ยกตัวอย่างอีกว่า กุ้งเครย์ฟิชนั้นไม่ใช่สัตว์เพียงชนิดเดียวที่มีความสามารถในการออกลูกแบบนี้ โดยยังมี ฉลามหัวค้อน, แมลงสาบ , เพลี้ยอ่อน, แมงกระพรุน, จิ้งเหลนหางแส้, ตัวต่อ และมังกรโคโมโดก็สามารถทำได้เช่นกัน     แม้ว่าเจ้ากุ้งสายพันธุ์นี้จะถูกห้ามให้เพาะเลี้ยง จำหน่ายหรือปล่อยกลับธรรมชาติในปัจจุบันก็ตาม แต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้ประเทศมาดากัสการ์กำลังประสบปัญหาจำนวนกุ้งเครย์ฟิชที่มีมากเกินไป ซึ่งนั่นทำให้พวกมันกลายเป็นตัวการสำคัญในการทำลายระบบนิเวศน้ำจืดในเกาะ สุดท้ายแล้ว แม้ว่ามันดูเหมือนจะสร้างแต่ปัญหา แต่ความจริงมันก็มีประโยชน์เช่นกัน เพราะ Dr Frank Lyko หัวหน้าทีมวิจัยโรคมะเร็งจากประเทศเยอรมนีได้บอกว่าพวกเขาอยากจะใช้กุ้งพวกนี้มาเป็นตัวศึกษาเกี่ยวกับเนื้องอกนั่นเอง…   ภาพของเหล่ากุ้งเครย์ฟิชที่ถูกจับได้จำนวนมาก ซึ่งทีมวิจัยพิสูจน์แล้วว่าพวกมันทั้งหมดมี DNA เดียวกัน   ทีมา…

  • หมาโคลนนิ่งที่เกิดจาก “ใบหูของแม่” ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้มาเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกเสียที…

    หมาโคลนนิ่งที่เกิดจาก “ใบหูของแม่” ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้มาเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกเสียที…

    การโคลนนิ่งในยุคนี้เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นเรื่องธรรมดาแล้วก็ว่าได้ เพราะการโคลนนิ่งสัตว์ได้สำเร็จเราก็สามารถเห็นกันได้อยู่บ่อยๆ แต่ว่าการโคลนนิ่งแล้วให้ตัวต้นแบบกับตัวโคลนมาเจอกันนั่นไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยๆ นั่นเอง เรื่องราวในครั้งนี้จึงเป็นการพบกันระหว่างสุนัขที่เป็นร่างต้นจากรัสเซีย กับสุนัขร่างโคลนที่เกิดจากใบหูของร่างต้นที่เกาหลีใต้ และแน่นอนว่าทั้งคู่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนมีลูกหรือมีแม่อยู่     ส่วนสาเหตุที่ลูกสุนัขถูกโคลนนิ่งขึ้นมานั้นก็เพื่อเป็นการรักษาพันธุ์สุนัขลากเลื่อนที่เริ่มหายไปทุกๆ วันไว้ ส่วนวิธีการนั้นพวกเขาก็ใช้ชิ้นส่วนเล็กๆ จากใบหูของตัวแม่สุนัขจากนั้นก็ส่งต่อไปให้ทีมนักวิจัยเพื่อทำการโคลนนิ่งที่ประเทศเกาหลีใต้ Dr. Hwang Woo Suk คือหัวหน้าทีมวิจัยจาก Sooam Biotech Research Foundation ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่วิจัยและโคลนนิ่งลูกสุนัขขึ้นมาจนสำเร็จและตั้งชื่อมันว่า Belekh เมื่อลูกสุนัขโคลนนิ่งมีสุขภาพที่แข็งแรงจนมีอายุครบ 3 เดือน พวกเขาก็ตัดสินพามันกลับไปหาตัวแม่สุนัขผู้เป็นร่างต้นแบบที่ประเทศรัสเซีย     ทางด้านของ Dimitry ผู้เป็นเจ้าของแม่สุนัขเมื่อพบว่าทีมแพทย์ได้พาลูกสุนัขกลับมาเจอแม่มันอีกครั้ง เขาก็พูดขึ้นว่า “ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า ลูกสุนัขตัวนั้นเป็นสุนัขที่เกิดขึ้นจากการโคลนนิ่ง มันดูเหมือนกันมากๆ ราวกับว่าเกิดมาจากท้องจริงๆ เลย” สุดท้ายแล้วเมื่อทั้งคู่ได้เจอกัน พวกมันก็ได้ใช้เวลาด้วยกันหลายวันเลยทีเดียว และพวกมันก็ดูจะมีความสุขมากๆ เลยล่ะ     ที่มา mirror