Tag: โครงกระดูก

  • 14 ภาพ “เอกซเรย์” อันน่าทึ่งของเหล่าสัตว์ จากการตรวจสุขภาพในสวนสัตว์ออริกอน

    14 ภาพ “เอกซเรย์” อันน่าทึ่งของเหล่าสัตว์ จากการตรวจสุขภาพในสวนสัตว์ออริกอน

    ปกติแล้วเวลาที่เราอยากชมเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ เราก็มักจะเลือกไปสวนสัตว์กันใช่ไหมล่ะ เพราะว่าสวนสัตว์นั้นได้นำเอาสัตว์มากมายหลายชนิดที่เราไม่อาจเจอได้ในชีวิตประจำวันไปรวมเอาไว้ที่นั่น แต่ที่แปลกกว่าที่อื่นๆ ก็คือ สวนสัตว์ออริกอน ในสหรัฐอเมริกานี่แหละ เพราะนอกจากที่นั่นจะรวมเอาสัตว์ตัวเป็นๆ ไว้ให้ผู้คนได้ชื่นชมแล้ว พวกเขายังมี “ภาพเอกซเรย์” ของเหล่าสัตว์ต่างๆ อีกด้วย เนื่องจากเป็นการตรวจสุขภาพสัตว์ประจำปีของที่นั่น จึงทำให้พวกเราได้มีโอกาสเห็นโครงกระดูกภายในร่างกายสัตว์นานาชนิด หากอยากรู้ว่าแต่ละชนิดมีโครงกระดูกอย่างไร คล้ายคนหรือเปล่า เรารีบไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า!   1. กิ้งก่า   2. งูหลามบอล   3. หางบีเวอร์   4. จะงอยปากนกทูแคนดำอกขาว   5. เม่น   6. ตุ๊กแก Fat-Tailed   7. อุ้งเท้าเสือโคร่ง   8. ค้างคาวผลไม้ Rodrigues   9. นกเค้าแมว Screech   10. เต่า   11. ปลาไหลวูล์ฟ  …

  • พบโครงกระดูก “แม่มด” ในโปแลนด์ มีรูเจาะเต็มตัวเพื่อป้องกันเธอ ‘ลุกขึ้น’ จากความตาย

    พบโครงกระดูก “แม่มด” ในโปแลนด์ มีรูเจาะเต็มตัวเพื่อป้องกันเธอ ‘ลุกขึ้น’ จากความตาย

    เคยได้ยินไหมว่า ตำนานจากยุคกลาง มนุษย์นั้นเคยหวาดกลัว “แม่มด” เป็นอย่างมาก หากหญิงคนใดถูกสงสัยหรือพบว่าเป็นแม่มดแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นต้องย่อยยับอย่างแน่นอน ล่าสุดมีคนพบเจอโครงกระดูกอันน่าสะพรึง เมื่อสำรวจดูร่องรอยต่างๆ ทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นโครงกระดูกของแม่มดอย่างแน่นอน โครงกระดูกดังกล่าวถูกขุดพบที่สุสานในโปแลนด์โดยนักโบราณคดีที่ชื่อว่า Karol Piasecki สภาพของโครงกระดูกพบก้อนอิฐถมทับและมี “รู” ปรากฏขึ้นหลายจุดของโครงกระดูก ทำให้เกิดความคิดว่าชาวบ้านสมัยก่อนกลัวว่าโครงกระดูกที่เชื่อว่าเป็นแม่มดนี้จะลุกขึ้นจากหลุมศพหากไม่ยึดโครงกระดูกให้ติดกับพื้นพร้อมทั้งถมด้วยก้อนอิฐ     ใครครั้งแรกที่พบ คิดว่าโครงกระดูกของบุคคลที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นแวมไพร์ เพราะถูกฝังไกลออกไปจากสุสานใหญ่ แถมมีร่องรอยของพิธีกรรมสะกดวิญญาณอยู่ด้านบนพื้นดินเหนือหลุมศพนี้ แต่เมื่อตรวจ DNA จากกระดูกของศพแล้วพบว่าเป็นร่างของ “ผู้หญิง” ซึ่งน่าจะมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า แถมยังเป็นผู้ที่ถูกทรมานอีกด้วย สำหรับประเทศโปแลนด์ หญิงที่ถูกกล่าวว่าเป็นแม่มดมักจะเป็นภรรยาหรือคนรักของบุคคลฐานะมั่งคั่งของสังคม และพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดทันทีหลังจากความสัมพันธ์ของเธอกับสามีย่ำแย่ลง หรือยามที่ผู้คนเกลียดชังพวกเธอมากๆ   ร่องรอยที่เป็น “รู” เนื่องจากถูกตอกยึดให้ติดกับพื้น   โครงกระดูกนี้เชื่อว่าน่าจะถูกฝังมาตั้งแต่ราวๆ ศตวรรษที่ 16 หรือ 17   Grzegorz Kurka ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บโครงกระดูกนี้เอาไว้กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่ได้เผาเธอทั้งเป็น แต่กลับฝังเธอเอาไว้ให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก” นอกจากนี้เขายังบอกว่าภายในสิ้นปีนี้จะพยายามค้นพบให้ได้ว่าเจ้าของร่างโครงกระดูกนี้มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจจับโครงใบหน้าเป็นตัวช่วย   ยุคสมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจที่ค่อนข้างรุนแรงและน่ากลัว จึงไม่แปลกหากหญิงคนใดถูกมองว่าเป็น “แม่มด”…

  • ทีมนักวิทย์ฯ ขุดพบโครงกระดูก  ‘วัวทะเลชเตลเลอร์’ สัตว์โบราณที่สูญพันธุ์ไปเกือบ 300 ปี

    ทีมนักวิทย์ฯ ขุดพบโครงกระดูก ‘วัวทะเลชเตลเลอร์’ สัตว์โบราณที่สูญพันธุ์ไปเกือบ 300 ปี

    พวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วแบบตัวเป็นๆ แต่อย่างน้อยเราก็อาจได้เห็นซากของมันเหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ที่ได้ไปเจอเข้ากับโครงกระดูกของสัตว์น้ำขนาดมหึมาที่ได้สูญพันธ์ไปเมื่อนานมาแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งหมู่เกาะคอมมานเดอร์ บนคาบสมุทรคัมชัตคา ในประเทศรัสเซีย เมื่อพวกเขาได้ขุดไปเจอกับซากโครงกระดูกของสัตว์ทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั่นก็คือ “วัวทะเลชเตลเลอร์”   . . .   การค้นพบในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ตรวจการสาว Maria Shitova ที่สังเกตเห็นซี่โครงของโครงกระดูกยื่นขึ้นมาเหนือพื้นดิน จนทำให้การขุดลงไปหาความจริงนานกว่า 8 ชั่วโมงได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาได้พบกับกระดูกสันหลังจำนวน 45 และกระดูกส่วนสะบัก ซี่โครง และอื่นๆ รวมกันอีก 25 ชิ้น ซึ่งมองไกลๆ เราก็คงคิดว่านั่นมันคือรั้วบ้านชัดๆ เพราะกระดูกของมันมีขนาดใหญ่มากจริงๆ และการขุดลงไปก็ไม่พบกะโหลกศีรษะของเจ้าสัตว์ที่สุญพันธุ์ไปแล้วตัวนี้   . .   อย่างไรก็ตามสิ่งที่พบก็ไม่แปลกที่จะสามารถเจอได้บนเกาะนี้ เพราะในอดีต ที่นี่คือแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน และเป็นบริเวณเดียวกันกับที่ทุกคนได้รู้จักกับสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก โดยนาย Georg Steller ได้ค้นพบพวกมันในปี 1741 และตั้งชื่อให้กับเจ้าสัตว์สายพันธุ์พะยูนตัวนี้ว่า “วัวทะเลชเตลเลอร์ (Steller Sea Cow)” แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าสัตว์ชนิดนี้ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 หลังจากถูกมนุษย์ล่าอย่างหนัก   . . .…

  • พายุ Ophelia พัดรุนแรงจนทำให้พบ ‘โครงกระดูกมนุษย์ยุคโบราณ’ ที่มีค่าทางประวัติศาสตร์

    พายุ Ophelia พัดรุนแรงจนทำให้พบ ‘โครงกระดูกมนุษย์ยุคโบราณ’ ที่มีค่าทางประวัติศาสตร์

    หลายๆ ครั้ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์มักจะถูกพบหลังจากที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรง เช่น พายุ น้ำท่วม และแผ่นดินไหว ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากเกิดพายุ Ophelia ที่มีความรุนแรงจนทำให้โครงกระดูกมนุษย์ยุคโบราณโผล่ออกมาให้เห็น ซึ่งนับว่าเป็นหลักฐานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง     โครงกระดูกดังกล่าวนี้คาดว่าน่าจะมีอายุถึงพันปี ถูกค้นพบโดยนักเดินทางหลังจากเกิดพายุพัดอย่างรุนแรงและทำให้น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งไอริช ประเทศไอร์แลนด์ สำหรับพายุ Ophelia ได้พัดผ่านประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีความเร็วลมอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนเผยให้เห็นสถานที่ที่เหมือนหลุมฝังศพโบราณ นักพยาธิวิทยา Marie Cassidy ได้เดินทางมาถึงสถานที่ดังกล่าวเมื่อวานนี้ และได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าหลักฐานชิ้นนี้น่าจะมาจากยุคเหล็กที่ถูกสร้างเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว     ตอนนี้โครงกระดูกที่พบถูกนำไปไว้ที่ Dublin เพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์หาสาเหตุการตายและอายุที่แท้จริง หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้วก็จะนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Ireland’s National ใน Dublin นักโบราณคดี Maeve Sikora ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติและเป็นผู้ช่วยขุดโครงกระดูกขึ้นมา กล่าวว่า “จากสถานที่ที่โครงกระดูกถูกพบ เราสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามันไม่ใช่ศพที่เพิ่งถูกฝัง” “ศพดังกล่าวอาจจะถูกวางไว้ในโลงศพและถูกปิดด้วยหินหลายๆ ชั้น แต่หินเหล่านั้นถูกทำลายโดยการกัดกร่อนจากน้ำทะเลเป็นเวลาหลายปี” Sikora กล่าว     เขายังบอกอีกว่า “ศพถูกฝังเป็นอย่างดี โดยการจัดให้แขนศพวางอยู่ข้างลำตัว ซึ่งเราสามารถบอกได้จากตำแหน่งที่ศพถูกพบ” “ศพอาจจะมีอายุมากกว่า 1,000 ปี แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถระบุปีได้ชัดเจน จนกว่าจะทำการ Radiocarbon (กัมมันตภาพรังสีในรูปของคาร์บอนที่ใช้คำนวณอายุของอินทรีย์วัตถุ)”  …

  • ค้นพบโครงกระดูก Titanosaurs ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ ที่คาดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!

    ค้นพบโครงกระดูก Titanosaurs ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ ที่คาดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!

    ย้อนกลับไปในปี 2013 นักวิจัยได้ค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ในอาร์เจนตินา ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุดทางทีมสำรวจ ได้ออกมาเผยถึงโครงกระดูกดังกล่าวลงในวารสาร Proceedings of the Royal Society B ที่เพิ่งตีพิมพ์ในสัปดาห์นี้ โดยบอกว่าโครงกระดูกนี้เป็นกระดูกของไดโนเสาร์สายพันธุ์ Titanosaurs ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และในขณะนี้ ซากโครงกระดูกไดโนเสาร์ยักษ์ที่ถูกค้นพบก็มีชื่ออย่างเป็นทางการแล้วว่า “Patagotitan Mayorum”     สำหรับ Patagotitan ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวได้ช้ามาก มันเป็นไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เมื่อ 102 ล้านปีก่อน โดยขนาดของมันยาวถึง 122 ฟุต (37 เมตร) และหนักมากถึง 69 ตัน ด้วยเหตุนี้ Patagotitan Mayorum จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ Titanosaurs ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย   ซากโครงกระดูกของ Patagotitan ได้ถูกค้นพบในรัฐชูบุต ปาตาโกเนีย (Patagonia) ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา   ทางด้าน…

  • เกือบไม่รอด!! สาวลงไปเล่นเซิร์ฟในสุสานใต้ดินฝรั่งเศส ท่ามกลางโครงกระดูกมนุษย์กว่า 6 ล้านชิ้น

    เกือบไม่รอด!! สาวลงไปเล่นเซิร์ฟในสุสานใต้ดินฝรั่งเศส ท่ามกลางโครงกระดูกมนุษย์กว่า 6 ล้านชิ้น

    เมื่อไม่นานมานี้ เราเคยนำเสนอเรื่องราวประสบการณ์ท้ายตายของ Alison Teal นักเซิร์ฟบอร์ดสาว วัย 30 ปี จากรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา หญิงคนแรกของโลก ที่ได้พิสูจน์ความกล้าของตัวเองโดยการลงไปเล่นเซิร์ฟบอร์ด บริเวณริมหน้าผาที่มีลาวาจากภูเขาไฟ Kilauea อันร้อนระอุมาแล้ว   ล่าสุดวันที่ 30 ตุลาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Thesun ได้เผยว่า Alison Teal นักเซิร์ฟบอร์ดสาวเจ้าเก่าในชุดบิกินี่สีชมพูสดใส เป็นผู้หญิงคนแรกของโลกที่ได้ลงไปเล่นเซิร์ฟในสุสานใต้ดิน Catacombs ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา!!     จากการรายงานระบุว่า Alison พร้อมกับทีมงาน ได้เดินฝ่าเข้าไปในอุโมงค์ของสุสานที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 6 ล้านชิ้น หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเปลี่ยนมาใส่ชุดบิกินี่ พร้อมนำเซิร์ฟเข้าไปเล่นผ่านช่องเล็กๆ ของอุโมงค์   “ฉันเติบโตมากับเรื่องราวของสุสาน Catacombs ที่พ่อเคยเล่าให้ฟังในวันฮาโลวีน ฉันฝันไว้ว่าอยากจะเป็นอินเดียน่าโจนส์และนักเซิร์พบอร์ด ดังนั้นฉันจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด” Alison กล่าว   นอกจากนี้ Alison…

  • ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวสุดเศร้าของ “โครงกระดูก” จนกลายเป็นเรื่องที่โด่งดัง (และฮา)!!!

    ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวสุดเศร้าของ “โครงกระดูก” จนกลายเป็นเรื่องที่โด่งดัง (และฮา)!!!

    ถ้าใครเคยเล่น Snapchat ก็คงจะเข้าใช้ดีว่ามันคือแอปฯ ที่เอาไว้แชร์ภาพที่นเน้นไปในทางสื่อสารอารมณ์มากกว่าการแชร์เอาสวยงาม ดังนั้นก็เลยจะมีไอเดียการสร้างเรื่องราวเจ๋งๆ เกิดขึ้นเสมอ เหมือนอย่างที่ Cooper เขาได้สร้างเรื่องราวเศร้าๆ ที่ฮาจนใครๆ ต่างก็แชร์กันไปทั่ว โดยจริงๆ แล้วมันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 เขาได้แชร์ลงในเว็บไซต์ Tumblr  จนคนกดโน้ตกว่า 550,000 ครั้ง ต่อมาก็ได้โพสต์ลงใน Imgur จนมียอดวิวกว่า 150,000 ครั้งในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งก็มาดังใน Snapchat ต่อในทุกวันนี้   และนี่ก็คือเรื่องราวสุดเศร้าของเจ้าโครงกระดูก..   หวัดดีเพื่อน   จะไปไหนอ่ะ?   หยุดวิ่งหนีฉันสักที   แกจะวิ่งหนีทำไม..   ไม่นะ แกจะกระโดดไม่ได้ เพราะว่า…   แกไม่มีไส้ (ในที่นี้พ้องเสียง หมายถึงความกล้าได้ด้วย)   ม่ายยยยยยยยย   ป๊อก!!   เพลงมา….   โถ เกิดมาเป็นโครงกระดูกนี่มันช่างน่าเศร้าจริงๆ บรูค เราเข้าใจความรู้สึกนายแล้วล่ะ ที่มา boredpanda

  • เผยอีกด้านของหมู่บ้านสวย ‘ฮัลล์สตัท’ ออสเตรีย กลับมีบ้านที่เต็มไปด้วย “โครงกระดูก”!?

    เผยอีกด้านของหมู่บ้านสวย ‘ฮัลล์สตัท’ ออสเตรีย กลับมีบ้านที่เต็มไปด้วย “โครงกระดูก”!?

    ในแต่ละประเทศนั้นมีวิธีการและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทั้งการดำรงชีวิต อาหารการกิน อาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่ตอนตาย…ทั้งโลกก็ยังมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันไป บางที่ใช้การเผา บางที่ใช้การฝัง แต่สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้กลับใช้วิธีที่หลอนยิ่งกว่านั้น     ก่อนหน้านี้เราเคยพาคุณไปเยี่ยมชมหมู่บ้านฮัลล์สตัท ในประเทศออสเตรียมาแล้ว ที่นั่นเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับเทพนิยาย จนทันเดินทางนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องขอไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต     แต่คุณอาจจะต้องเปลี่ยนใจก็ได้ เมื่อคุณได้ไปเห็น Charnel House สุสานโครงกระดูกของที่นี่ มันมีลักษณะเหมือนบ้านหลังเล็กๆ แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยหัวกะโหลกและโครงกระดูกนับร้อยนับพัน ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี     ตามรายงานบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีโครงกระดูกของผู้คนมากถึง 1,200 คน ในทีแรกนั้น ที่นี่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับโครงกระดูก แต่เนื่องจากในช่วงปีค.ศ. 1700 ทางโบสถ์ในละแวกนั้นดันประสบปัญหากับโครงกระดูกล้นสุสาน ทำให้พวกเขาต้องขุดเอาโครงกระดูกที่ฝังไปแล้วขึ้นมา เพื่อให้มีที่ว่างมากพอที่จะฝังร่างใหม่ๆ ลงไปได้     ในช่วงที่มีการขุดเอาโครงกระดูกเหล่านี้ขึ้นมานั้น ทางครอบครัวของผู้ตายก็ได้นำเอาปากกามาเขียนข้อความลงไปบนกระดูกของบุคคลอันเป็นที่รัก มีทั้งชื่อและวันที่เสียชีวิต รวมไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สื่อถึงความรักที่พวกเขามีร่วมกันด้วย     ในระยะหลังมานี้ ตั้งแต่ช่วงปี 1960 เป็นต้นมา การนำกระดูกไปไว้ในห้องแห่งนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว แต่ก็ยังมีโครงกระดูกมาไว้ที่นี่อยู่บ้าง     โดยคนสุดท้ายที่ถูกนำมาไว้ที่นี่คือหญิงสาว ที่มีคำสั่งเสียก่อนตายว่าเธออยากจะมาอยู่ที่นี่ร่วมกับโครงกระดูกอื่นๆ เมื่อเธอเสียชีวิตแล้วญาติๆ…

  • ศิลปินวาด 25 ภาพโครงกระดูกของเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดัง ตามหลักการแล้วมีลักษณะไหนรูปร่างถึงได้แบบนั้น!!?

    ศิลปินวาด 25 ภาพโครงกระดูกของเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดัง ตามหลักการแล้วมีลักษณะไหนรูปร่างถึงได้แบบนั้น!!?

    เพื่อนๆ เคยจินตนาการกันบ้างรึเปล่าว่า?? เหล่าตัวการ์ตูนที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยคนวาดแล้วค่อนข้างจะผิดแปลกจากกายวิภาคของมนุษย์นั้น จะมีโครงกระดูกอยู่ในสภาพไหน?? วันนี้เราก็เลยมีผลงานของศิลปิน Michael Paulus มาฝากกัน โดยเขาวิเคราะห์กระดูกของเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดังหลายๆ ตัว แล้วพยายามวาดออกมาให้ถูกตามหลักการของกายวิภาคที่สุดล่ะ มาดูกันเลยว่ากระดูกจะแปลกไปจากของจริงมากมายขนาดไหน!!?   Pikachu   Tweety   Betty Boop   Moomintroll   Blossom   Dexter   Charlie   Snoopy   Shmoo   Bubbles   Mad Scientist   Fred Flintstone   Baby Huey   Marvin   Lucy   Barney   Thingumy และ Bob   Linus   Little My…

  • เปิดตำนาน “ทะเลสาบโครงกระดูก” บนเทือกเขาหิมาลัย เรื่องลึกลับที่พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์

    เปิดตำนาน “ทะเลสาบโครงกระดูก” บนเทือกเขาหิมาลัย เรื่องลึกลับที่พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์

    เทือกเขาหิมาลัยเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความสวยงาม และความท้าทายของเหล่านักปีนเขามานักต่อนักแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้สวยงามไปเสียทั้งหมด เพราะยังมีเรื่องสยองๆ แอบซ่อนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน…     เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Wittyfeed ได้เปิดเผยเรื่องราวชวนขนลุกนิดๆ ของ “ทะเลสาบโครงกระดูกรุปคันด์” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ทะเลสาบลึกลับ” ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งในรัฐอุตตราขัณฑ์  ประเทศอินเดีย     เมื่อตอนที่อากาศเย็นตัวจัดๆ ทะเลสาบแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง ผู้คนจึงพากันมาเล่นสเก็ตกับบนที่แห่งนี้ แต่เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น น้ำแข็งในทะเลสาบและหิมะที่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบก็เริ่มละลาย ความสยองก็เริ่มเผยให้เห็น     เพราะบริเวณรอบๆ ทะเลสาบนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกและกะโหลกของมนุษย์ แถมยังมีกระดูกบางส่วนถูกวางทิ้งไว้ใต้ทะเลสาบอีกด้วย จากการค้นพบโครงกระดูกเหล่านี้ ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยกันมากว่าโครงกระดูกเหล่านี้เป็นของใครกันแน่?     ตามรายงานบอกว่าโครงกระดูกเหล่านี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1942 โดยนักเดินทางชาวอังกฤษรายหนึ่ง ซึ่งมีตำนานและเรื่องเล่ากันว่าโครงกระดูกที่เกลื่อนพื้นเหล่านี้อาจจะเป็นของทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เสียชีวิตระหว่างเดินทางผ่านเส้นทางนี้     บางตำนานบอกว่าโครงกระดูกที่เห็นอาจเป็นพิธีกรรมการฆ่าตัวตายบริเวณรอบทะเลสาบก็เป็นได้ แต่โชคดีที่วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปไกล ทำให้นักนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาทำการสำรวจและพบว่าจริงๆ แล้วโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นของมนุษย์ในช่วงปีค.ศ. 830 – 850     ตำนานในท้องถิ่นเล่าว่ากษัตริย์ราจา…