Tag: หมั่นเขี้ยว

  • คุณพ่อห้ามใจตัวเองไม่อยู่ กัดลูกชาย 4 ขวบเสียชีวิต อ้างเพราะ ‘หมั่นเขี้ยว’ อย่างรุนแรง…

    คุณพ่อห้ามใจตัวเองไม่อยู่ กัดลูกชาย 4 ขวบเสียชีวิต อ้างเพราะ ‘หมั่นเขี้ยว’ อย่างรุนแรง…

    เวลาที่เราเห็นอะไรแล้วรู้สึกถูกใจในความน่ารัก มันจะมีอาการแบบว่าขัดฟัน มีความงุ้ยๆ แล่นเข้ามาในหัวอย่างพรั่งพรูแทบจะหยุดไม่ไหว ต้องพุ่งเข้าไปเล่นด้วยทุกที…แบบว่าน่ารักปานจะกลืนกินได้ แต่ทว่าเหตุของ ‘ความหมั่นเขี้ยว’ กลายมาเป็นบ่อเกิดแห่งความสูญเสียได้อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากการที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ของคุณพ่อรายหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย     ชายวัย 28 ปี ผู้เป็นพ่อของเด็กชายวัย 4 ขวบ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม จากการกัดลูกชายของตนเองเพื่อแสดงความรัก ในระหว่างออกมาเที่ยวบริเวณชายหาด Losari เมืองมาคัซซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ทางสื่อท้องถิ่นเปิดเผยว่าเขาทำการกัด (ขบ) ตัวเด็ก เพราะกลัวว่าลูกจะไม่สนใจในตัวเขา และเขาก็ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเอง จากความน่ารักและความหมั่นเขี้ยวที่มี จนต้องกัดตามตัวลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส     ภายหลังเพียงไม่นานนัก เด็กชายถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเบื้องต้น ผู้เป็นพ่อให้การว่าประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ตำรวจไม่ยอมปักใจเชื่อ เพราะดูท่าทางจากผู้เป็นพ่อแล้วเขากำลังโกหก จนผลชันสูตรศพของเด็กก็เผยความจริงออกมา… “เราได้ทำการชันสูตรศพแล้วพบว่า มีบาดแผลหลายแห่งบนร่างกาย และร่องรอยบาดแผลเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างแน่นอน” โฆษกตำรวจกล่าว ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงยอมรับสารภาพว่าเขาเป็นคนกัดลูกชายหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิต..     กรณีดังกล่าวนั้นเกิดจาก ‘ความหมั่นเขี้ยว’ (Gemes ในภาษาอินโดนีเซีย) เป็นอาการที่อยากจะเข้าไปขบ หยิก บีบ…

  • งุ้ย..หมั่นเขี้ยว!! 20 ภาพพุงแมวอ้วนพี อยากจะเอาหน้าเข้าไปมุด ฟัดความย้วยเสียเหลือเกิน

    งุ้ย..หมั่นเขี้ยว!! 20 ภาพพุงแมวอ้วนพี อยากจะเอาหน้าเข้าไปมุด ฟัดความย้วยเสียเหลือเกิน

    แมว เป็นสัตว์ที่ใครๆ เห็นก็ต้องอยากเข้าไปเล่น เข้าไปสัมผัส นั่นอาจจะเป็นเพราะความน่ารักของพวกมัน เลยทำให้ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ ยิ่งถ้าแมวตัวไหนที่มีขนฟูฟ่องพุงป่องๆ ละก็ มันก็จะยิ่งเพิ่มเลเวลความน่าหมั่นเขี้ยวเข้าไปอีก เหมือนดังเช่น 20 ภาพของแมวเหมียวตัวอ้วนพีเหล่านี้ ที่มาพร้องกับพุงอันน่าฟัดที่เห็นแล้วอยากจะเข้าไปสัมผัสมากเลยล่ะ   ขอทาสอย่างเราๆ ฟัดหน่อยจะได้ไหม   ขนฟูๆ นุ่มๆ ตรงหน้าท้อง มันช่างน่าเอามาเป็นหมอนยิ่งนัก   คงจะนอนสบายไม่น้อยเลยล่ะ   ขอสัมผัสหน่อยได้ไหม   อยากเอามือไปเกาเล่นตรงพุงจัง   ใบหน้าที่ดูเต็มใจให้ทาสเล่นพุงเป็นอย่างมาก   เข้ามาเล่นพุงพี่สิจ๊ะน้องหนู   ขนฟูๆ แบบนี้ มันคงจะนุ่มราวกับปุยฝ้าย   น่าฟัดจริงๆ   งานนี้ถูกใจทาสแมวหรือเปล่าน้า   แบร่!! ไม่ให้เล่นพุงหรอก   แต่สำหรับเราใครอยากเล่นก็เข้ามา   เจ้าเหมียวอ้วนกับพุงป่องๆ   ขอลูบพุงหน่อยได้ไหม   แค่จับเบาๆ เอง   พุงขาวๆ น่าฟัดมาก…

  • เคยสงสัยหรือไม่ว่า “อาการหมั่นเขี้ยว” เกิดขึ้นจากอะไร ทุกๆ ครั้งที่เราเจอสิ่งของน่ารัก?

    เคยสงสัยหรือไม่ว่า “อาการหมั่นเขี้ยว” เกิดขึ้นจากอะไร ทุกๆ ครั้งที่เราเจอสิ่งของน่ารัก?

    เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยเกิดอาการหมั่นเขี้ยวอยากเข้าไปกัดสิ่งของน่ารักต่างๆ เช่น เด็กทารก สัตว์เลี้ยงต่างๆ  ซึ่งบางทีเวลารู้สึกแบบนี้ก็แอบคิดไม่ได้ว่า ตัวเองมีอาการโรคจิตรึเปล่าที่อยากกัดคนอื่นไปทั่ว (ฮา) แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือเปล่าว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เราไปฟังผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่า   น่ารักมั้ยอ่ะงับ ไม่น่ารักเดี๋ยวจิ้มเลยนะ   นักวิจัยเผยว่า ในบางครั้ง สมองของเราตอบสนอง “การได้รับรู้สิ่งน่ารัก” สับสนกับ “ความอยากอาหาร” จิตใต้สำนึกของเราจึงทำให้เรารู้สึกอยากกัดสิ่งของเหล่านั้น แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวเท่านั้น….     ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Susan Perry กล่าวว่า อาการอยากงับหรือกัดสิ่งของที่น่ารักของมนุษย์ อาจเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เรียกว่า “การแกล้งกัด” ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเธอและทีมงานนักวิจัยได้สังเกตเห็นว่า ลิงคาปูชินมักกัดลิงตัวอื่นอย่างนุ่มนวลโดยไม่สร้างความเจ็บปวด เพื่อแสดงความเป็นมิตรซึ่งกันและกัน ซึ่งพฤติกรรมนี้สามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ด้วย นั่นแปลว่าการกัดไม่ได้แสดงถึงความหิวและความโกรธเกรี้ยวเท่านั้น     นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า การกัดของสัตว์หลายชนิดๆ เทียบได้กับการเลีย การนำหัวมาถู หรือการดม เพื่อแสดงความเป็นมิตรของสัตว์หลายๆ ชนิด ซึ่งอาจจะสรุปโดยรวมได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่แฝงไปด้วยความเอ็นดู เพื่อเป็นการแสดงความสนิทสนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั่นเอง และเหล่ามนุษย์ทั้งหลายที่แสดงอาการเหล่านี้ก็เป็นอาการปกติจ๊ะ   แบบนี้นี่เอง อย่างนี้เราคงไม่ได้โรคจิตแล้วสินะ ฮาาา ที่มา scientificamerican