Tag: ระบบ AI

  • ไปไกล!! ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างร่างโคลนนิ่งของเราได้แล้ว!!

    ไปไกล!! ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างร่างโคลนนิ่งของเราได้แล้ว!!

    หลายคนอาจจะรู้จักกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือที่เรียกกันว่า AI ที่ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้พัฒนาการของเจ้าสิ่งนี้ก็ก้าวขึ้นมาอีกขั้น เพราะว่ามันสามารถสร้างร่างก็อปปี้เสมือนจริงของคนเราได้แล้ว!! โดยระบบ AI ที่สามารถสร้างร่างก็อปปี้ที่ว่าได้นี้ เป็นระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะที่ชื่อว่า ObEn ซึ่งก่อตั้งโดย CEO ชื่อว่า Nikhil Jain    ทางซ้ายคือหน้าจริง ขวาคือหน้าที่ระบบ AI จำลองขึ้นมา   หลังจากได้รับการช่วยเหลือทางเรื่องเงินทุนจากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Tencent ที่มีมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 161 ล้านบาท) ในที่สุด Jain ก็สามารถพัฒนาให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเขาสามารถจำลองภาพของคนจริงๆ ให้อยู่ในรูปแบบของภาพสามมิติได้ “เราเชื่อว่าทุกๆ คนบนโลกนี้ในที่สุดแล้วจะมีร่างก็อปปี้เป็นของตัวเอง ซึ่งคนๆ นั้นจะเป็นคนที่มีหน้าตาเหมือนกับพวกเขา พูดเหมือนพวกเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว” Jain กล่าว   วิดีโอการจำลองหน้าตัวเองโดย Jain ผู้พัฒนาระบบดังกล่าว   สำหรับการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ ให้ก็อปปี้ร่างของเรานั้นก็ง่ายแสนง่าย โดยสิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่ ถ่ายเซลฟี่ตัวเองและบันทึกเสียงเพียงแค่นั้น เราก็จะได้ร่างอวตารของเรามาใช้งานกันแล้ว นอกจากการสร้างร่างโคลนนิ่งของตัวเองแล้วบริษัทแห่งนี้ยังมีแผนที่จะปล่อย ร่างโคลนนิ่งของเหล่าเซเลบริตี้ในปี 2018 โดยร่วมมือกับบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของทวีปเอเชียอย่าง S.M. Entertainment เพื่อนำนักร้องชื่อดังมาให้แฟนๆ ได้ชื่นชมกันอีกด้วย…

  • เมื่อระบบ AI จากกูเกิ้ล สามารถสร้างความโกรธจากสถานการณ์ตึงเครียด ราวกับเป็นมนุษย์!?

    เมื่อระบบ AI จากกูเกิ้ล สามารถสร้างความโกรธจากสถานการณ์ตึงเครียด ราวกับเป็นมนุษย์!?

    เมื่อช่วงปลายปีก่อนนักฟิสิกซ์ชื่อดังอย่าง Stephen Hawking เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า วิทยาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเลวร้ายที่สุด ที่เกิดขึ้นกับมวลมนุษยชาติ… และถ้าใครที่ได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงทราบดีว่าก่อนหน้านี้ ระบบ AI จากกูเกิ้ล สามารถเอาชนะผู้เล่นเกมโกะอันดับหนึ่งของโลกได้สำเร็จ ทว่าล่าสุดพวกเขาได้ค้นพบแล้วว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถเรียนรู้ความโกรธได้เช่นกัน!!?     ทีมวิจัยจากกูเกิ้ลได้ทำการทดสอบด้วยการสร้างระบบ ‘DeepMind’ ขึ้นมา 2 ระบบ จากนั้นให้ทั้งสองแข่งขันกันผ่านระบบเกมจำลอง (เกมเก็บผลไม้) มากกว่า 40 ล้านครั้ง เพื่อศึกษาพฤติกรรมของ AI ที่เกิดขึ้น ว่าจะมีผลตอบสนองอย่างไร ทีมวิจัยได้ค้นพบว่า ช่วงแรกในตัวเกมจะมีผลไม้ให้มากพอสำหรับทั้งสองฝ่าย ก็ดำเนินไปอย่างปกติ ทั้งสองตัวต่างเล่นเกมจำลองแบบปกติไปเรื่อยๆ ทว่าเมื่อถึงช่วงที่ต้องแข่งขันกัน ระบบ AI เริ่มรู้จักที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขัน ด้วยการปล่อยลำแสงเลเซอร์ออกมา เพื่อทำให้อีกฝ่ายหนึ่งหยุดชะงัก และไม่สามารถเก็บผลไม้เพื่อทำคะแนนให้สูงกว่าได้ นั่นแสดงถึงการขัดขวางและต้องการที่จะแย่งชิงผลไม้ส่วนนั้นมาเป็นของตน   ตัวอย่างพฤติกรรมของระบบ AI ที่เกิดขึ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายต้องแข่งกันเก็บลูกผลไม้ (สีเขียว)   นอกจากนั้นทีมนักวิจัยยังได้ค้นพบอีกด้วยว่า ระบบ AI ที่มีความซับซ้อนมากกว่า จะสามารถเรียนรู้…

  • ไขข้อข้องใจ… ทำไมเสียงของระบบ AI ผู้ช่วยเหลือ ถึงต้องเป็นเสียงของผู้หญิงมาก่อน!?

    ไขข้อข้องใจ… ทำไมเสียงของระบบ AI ผู้ช่วยเหลือ ถึงต้องเป็นเสียงของผู้หญิงมาก่อน!?

    ในปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ ‘หุ่นยนต์’ หรือระบบ AI ต่างๆ ถูกพัฒนาจนสามารถนำมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น Siri (Apple), Cortana (Microsoft), S Voice (Samsung) หรือระบบให้ความช่วยเหลือในรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งระบบ Assistant ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใช้งานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีเสียงโต้ตอบเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น!? เออแฮะ ทำไมต้องเป็นเสียงผู้หญิงกันนะ มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาไขข้อข้องใจนี้ให้กระจ่างเอง!!     ก็เพราะว่าทางบริษัทผู้สร้างเหล่านี้ได้ทำการวิจัยกันออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ศาสตราจารย์ Karl F. MacDorman และทีมงานจากมหาวิทยาลัย Indiana University ได้ดำเนินงานวิจัยด้วยการเปิดคลิปเสียงผู้ชายและผู้หญิงให้กับกลุ่มตัวอย่างที่มีทั้งเพศชายและหญิงฟัง จากนั้นก็ตั้งคำถามว่าพวกเขาชอบเสียงแบบไหนมากกว่ากัน ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า ‘ผู้หญิง’     และไม่ใช่เพียงแค่การตอบคำถามเท่านั้นเหล่าทีมงานนักวิจัยยังสังเกตปฏิกิริยาและการตอบสนองต่อคลิปเสียงของกลุ่มตัวอย่างด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาสามารถตอบสนองต่อเสียงของผู้หญิงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า     นอกจากนี้จากผลงานการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร ศาสตราจารย์ Clifford Nass จากมหาวิทยาลัย Stanford ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สมองของมนุษย์เรานั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงของผู้หญิงมากกว่าเสียงของผู้ชาย”    …