Tag: มืด

  • 20 ภาพถ่ายจาก ‘มุมมืด’ ในอดีต ยุคทองของเหล่าอาชญากร มาเฟีย เจ้าพ่อ และสงคราม

    20 ภาพถ่ายจาก ‘มุมมืด’ ในอดีต ยุคทองของเหล่าอาชญากร มาเฟีย เจ้าพ่อ และสงคราม

    อดีต มีทั้งเรื่องราวอันสดใสและดำมืด และเรื่องเล่าต่างๆ ที่ส่งผ่านกันมาปากต่อปากก็มักทำให้เราอยากเห็นภาพบรรยากาศของเรื่องเล่านั้นๆ เช่นเรื่องราวของแก๊ง Cairo ที่หลายคนต่างเคยได้ยินมาเพียงชื่อ แต่หากถามว่าพวกเขามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร หากไม่เห็นภาพก็คงอธิบายได้ยาก วันนี้ จึงรวบรวม 20 ภาพถ่ายจากมุมมืดในอดีต ที่แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศอันมืดมัวและเรื่องราวน่าสนใจที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ หากพร้อมแล้ว ไปชมกันเลย…   1. สมาชิกแก๊ง Cairo แก๊งนี้เป็นสายให้กับประเทศอังกฤษ ในช่วงเหตุการณ์ความเคลื่อนไหว Irish Republican Army โดยสมาชิกแก๊งส่วนใหญ่ถูกสังหารในวันที่ 21 พฤศจิกายน 1920   2. สมาชิกแก๊ง Growler เขากำลังจำลองวิธีการปล้นให้ช่างภาพดูเพื่อแสดงวิธีการปล้นที่พวกเขามักใช้กัน   3. ภาพโบสถ์ใหญ่ในเยอรมนีที่ถูกระเบิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2   4. โฉมหน้าสมาชิกแก๊ง Five Points ของเมืองนิวยอร์ก ช่วงปลายศตวรรษที่ 19   5. Giosue Gallucci และครอบครัว Giosue Gallucci เป็นผู้นำอาชญากรกลุ่ม Italian Harlem ของนิวยอร์ก  …

  • ช่างภาพ “นอนไม่หลับ” ออกไปถ่ายรูป Central Park ยามค่ำคืนไร้ผู้คน ถึงดูหลอนแต่งดงาม!!

    ช่างภาพ “นอนไม่หลับ” ออกไปถ่ายรูป Central Park ยามค่ำคืนไร้ผู้คน ถึงดูหลอนแต่งดงาม!!

    โรคนอนไม่หลับหรือ Insomnia หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คนสมัยนี้เป็นกันหลายคน แต่จริงๆ แล้วมันคือปัญหาที่แก้ได้ยากมากๆ เพราะมันมีผลกระทบอีกหลายด้าน เหมือนอย่างที่ช่างภาพที่ชื่อว่า Michael Massaia กำลังประสบอยู่ ย้อนกลับไปในปี 2007 เขาประสบกับโรคนอนไม่หลับ (Insomnia) อย่างหนักหน่วง เขาเล่าว่า “บางทีผมก็นอนไม่หลับเป็นอย่างมาก ฉันเลยออกไปเดินเล่น” และที่ที่เขาไปก็คือ Central Park เดิมที Central Park เป็นที่ที่ให้ชาวเมืองได้มาพักผ่อนหย่อนใจ เพราะมันเต็มไปด้วยต้นไม้และอากาศดีๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากจะหนีจากเมืองใหญ่ๆ แต่ช่างภาพคนนี้เขาได้ถ่ายทอดมันออกมาอีกมุมมองหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็น เป็นช่วงเวลาที่มืดสนิท ไร้ผู้คน และภาพที่ออกมานั้นก็ดูน่ากลัวไปเลย   Sheep Meadow Sunrise, 2012   ความจริงแล้วเขาสามารถไปหาหมอ หรือไปบำบัดอาการนี้ได้ แต่เขาก็เลือกวิธีนี้แทน โดยที่เขาเริ่มถ่ายภาพที่ไร้ผู้คนและแสงสี มีเพียงแสงเล็กๆ ที่มาจากไฟรอบข้างๆ เท่านั้น โดยโรคนอนไม่หลับนี้ก็ทำให้เขาออกไปเดินเล่นที่ Central Park บ่อยครั้ง ตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2014 และได้ถ่ายรูปมาหลายรูป “ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนเหมือนเป็นคนละที่กันเลย และผมก็อยากจะเก็บภาพเหล่านั้นไว้” เขาเล่าไว้ในเว็บไซต์ส่วนตัว เขาได้ใส่เอ็ฟเฟ็กต์สีขาวดำลงไปในภาพด้วย ยิ่งทำให้ภาพดูหลอนไปกว่าเดิม ถ้าเรามองก็จะเห็นได้ว่ามันดูว่างเปล่า ว้าเหว่ และน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก   Path…

  • ชมแอนิเมชั่นสั้นๆ “Borrowed Time” จาก Pixar ทำให้เราได้ตระหนักถึงการตัดสินใจทุกครั้ง!!

    ชมแอนิเมชั่นสั้นๆ “Borrowed Time” จาก Pixar ทำให้เราได้ตระหนักถึงการตัดสินใจทุกครั้ง!!

    ถ้าพูดถึงแอนิเมชั่นของ Pixar แล้ว หลายคนก็คงนึกถึงเรื่องราวที่แสนอบอุ่นที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว แต่ครั้งนี้ทาง Pixar ได้ทำแอนิเมชั่นในด้านตรงข้ามออกมา ซึ่งเป็นแนวดาร์กชื่อว่า Borrowed Time ซึ่งได้รับรางวัลมากมาย     โดยในเรื่องเป็นการเล่าเรื่องย้อนไปสมัยคาวบอย ที่ตัวเอกต้องรับมือให้ได้หลังจากเกิดเหตุที่เศร้าสลดกับเขา แต่จะเป็นอย่างไรก็ต้องรับชมกันเอง ซึ่งงานนี้ได้ผู้กำกับ Andrew Coats และ Lou Hamou-Lhadj ใช้เวลา 5 ปีในการสร้างเรื่องราวนี้ขึ้นมา  (ระหว่างนั้นพวกเขาก็ช่วยกันทำแอนนิเมชั่นที่ยิ่งใหญ่อย่าง “Inside Out” และ “Brave” ไปด้วย) Coats เล่าถึงเหตุผลที่ทำเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่าที่อเมริกา ถ้าพูดถึงแอนิเมชั่นแล้ว มันคือสิ่งที่เอาไว้สำหรับเด็ก แต่ที่อื่นเหมือนเป็นสิ่งธรรมดาที่คนใช้เล่าเรื่องกัน เขาเลยต้องการที่จะทำให้มันเปลี่ยนแปลงไป ก็เลยตัดสินใจสร้าง Borrowed Time ขึ้นมา   เราลองไปดูแอนนิเมชั่นของ Pixar ในแบบผู้ใหญ่กันเลย แล้วจะรู้ว่ามันต่างกันที่เราคยดูมามาก เรื่องนี้เปิดให้ดูฟรีในเว็บไซต์ Vimeo ตามคลิปนี้เลยครับ   ถือเป็นอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยได้เห็นในแอนนิเมชั่นของ Pixar มาก่อนเลย มีทั้งความเศร้าและหดหู่อยู่ด้วย อยากเห็นแอนนิเมชั่นที่เป็นหนังโรงที่ทำออกมาในแนวๆ นี้บ้างจัง ที่มา indiewire

  • 6 คนที่เคยหัวใจหยุดเต้น บอกเล่า ‘ประสบการณ์หลังความตาย’ ว่าพวกเขาเจออะไรบ้าง!??

    6 คนที่เคยหัวใจหยุดเต้น บอกเล่า ‘ประสบการณ์หลังความตาย’ ว่าพวกเขาเจออะไรบ้าง!??

    ความตาย เป็นสิ่งที่ทุกชีวิตจะต้องเจอในวาระสุดท้าย ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกระทั่งเกิดเป็นคำถามที่ว่า ‘ชีวิตหลังความตายนั้นเป็นอย่างไร’ จนปัจจุบันก็ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ เพราะคนตายไปแล้วคงไม่กลับมาตอบให้ (หรืออาจจะเป็นผีบอก) ตึ่งโป๊ะ!?     แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน แต่เรื่องของชีวิตหลังความตายนั้นก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าวิทยาศาสตร์จะหาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งส่วนมากแล้วในทางทฤษฎีที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือจะเห็นเป็นแสงสีขาวพร้อมกับภาพความทรงจำในชีวิตแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว     จนกระทั่งคำถามที่ว่า ‘ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร’ ได้เดินทางมาสู่เว็บไซต์ Reddit (พันทิปฝรั่ง) โดยมีผู้ที่เข้ามาตอบคำถามดังกล่าวเป็นผู้ที่เคยตายไปแล้วในทางการแพทย์แต่กลับฟื้นคืนชีพมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ทั้งหมด 6 รายด้วยกัน (โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน)   1) เหมือนดั่งการอ่านเรื่องราวในหนังสือ ผู้ใช้นามแฝง monitormonkey เล่าว่าเมื่อ 5 ปีก่อน เขาเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ ซึ่งในระหว่างนั้นเขาเสียเลือดมากจนทำให้เขาเสียชีวิตเป็นเวลาหลายนาที   ‘ฉันตื่นขึ้นมาในลักษณะที่คล้ายกับอวกาศ แต่ไม่มีดวงดาวหรือแสงใดๆ เลย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกล่องลอยด้วย แบบว่าจู่ๆ ก็โผล่เข้าไปที่นั่น ฉันไม่รู้สึกร้อนหรือหนาว ไม่รู้สึกหิวหรือเพลีย มีแต่ความรู้สึกสงบเงียบ ฉันรู้ว่ามีแสงและความรักอยู่ที่ไหนซักแห่งใกล้ๆ แต่ก็ไม่สามารถไปตามหามันได้ทันทีทันใด’ ‘ฉันจำได้ว่า ฉันคิดถึงเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นแบบภาพตัดเข้ามานะ แต่เป็นเหมือนการนั่งพลิกหน้าหนังสือแล้วก็มีภาพออกมาจากตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง’ ‘แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร มันเปลี่ยนความคิดบางอย่างของฉัน ฉันยังรู้สึกกลัวที่จะต้องตาย…

  • ชมคลิปเกมโชว์สุดฮา “พิสูจน์กลิ่นในความมืด” พอรู้ว่าสุดท้ายเป็นก้นถึงกับขมคอ!!

    ชมคลิปเกมโชว์สุดฮา “พิสูจน์กลิ่นในความมืด” พอรู้ว่าสุดท้ายเป็นก้นถึงกับขมคอ!!

    เกมโชว์ในปัจจุบันมันทวีคุณความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างคิลเลอร์คาราโอเกะนั้นก็ถือว่าเป็นไอเดียที่แปลกแหวกแนว แต่คนที่ไปแข่งก็ต้องใจกล้าอยู่พอสมควร แต่วันนี้เหมียวจะพาทุกท่านมาดูเกมโชว์อีกรายการหนึ่ง ไม่ทราบเหมือนกันว่าชื่อว่าอะไร แต่กติกาของมันก็คือ ให้ผู้เข้าแข่งขันดมสิ่งของที่อยู่ในตู้ โดยที่เขามองไม่เห็นอะไรเลยเพราะว่ามันมืดไปหมด   แรกๆ เขาก็ทายถูกอยู่หรอก   แต่พอมาถึงข้อสุดท้ายนี่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก   เราไปดูคลิปสุดฮานี้กันเลยดีกว่า แหม่ ก็พี่แก่เล่นเอาจมูกไปถูซะขนาดนั้น เหมียวว่ากลิ่นคงจะติดจมูกไปหลายวันเลยล่ะ ที่มา Henrik Hancke Nielsen