Tag: การสอน

  • เด็ก 9 ขวบติเตียนคุณครู ‘โคลัมบัสไม่ได้พบอเมริกา’ อย่าสอนอะไรผิดๆ พร้อมตั้งคำถามย้อน

    เด็ก 9 ขวบติเตียนคุณครู ‘โคลัมบัสไม่ได้พบอเมริกา’ อย่าสอนอะไรผิดๆ พร้อมตั้งคำถามย้อน

    บางทีสิ่งที่เราร่ำเรียนกันมานั้น อาจจะเป็นความรู้และข้อมูลที่ถูกส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป แต่พวกเราเองเรียนรู้มันมาอย่างนั้น โดยที่ไม่ได้สนใจหรือสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่สำหรับเด็กชายวัย 9 ขวบที่ชื่อว่า King Johnson คนนี้ ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดพลาดนั้นผ่านไปง่ายๆ แน่นอน เมื่อเขาพบว่าสิ่งที่เขาได้เรียนไปในเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผู้คนพบอเมริกา” ที่ว่าเป็น Christopher Columbus นั้นมันไม่เป็นความจริง!     เขาจึงทำการเขียนรีวิววิชาดังกล่าวในเชิงตำหนิลงในสมุดบันทึกของเขา พร้อมย้อนครูผู้สอนด้วยคำถามสุดเจ็บแสบเลยทีเดียว โดยใจความในบันทึกที่เขาเขียนก็ประมาณว่า สิ่งที่เขาได้เรียนมาไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเรื่องโกหก พร้อมทั้งเฉลยความจริงให้ผู้อ่านได้ตาแตกกันไปอีก     เขาเขียนว่า “วันนี้เป็นการเรียนหนังสือที่ไม่ค่อยดีนัก บลาๆๆๆ ผมไม่อยากได้ยินคุณครูพูดอะไรอีกแล้ว” “คุณครูสอนผิด และผมก็ไม่อยากจะฟังสิ่งที่ครูโกหกอีก แม่ผมบอกว่า มีคนชื่อ Christofer (Christopher) คนเดียวเท่านั้นที่พวกเรายอมรับ นั่นก็คือ Christopher Wallace“ (Christopher Wallace คือศิลปินแร็พชื่อดัง รู้จักกันในนาม Notorious B.I.G.) เขาเขียนต่อว่า “Columbus ไม่ได้เป็นคนค้นพบประเทศของเราเสียหน่อย ชาวอินเดียแดงต่างหากที่พบ” “ผมยังอยากมีวันหยุดอยู่นะ แต่ผมไม่อยากให้คุณครูสอนอะไรที่มันไม่จริงอีก” “และคำถามสำหรับวันนี้ก็คือ คนขาวจะมาสอนประวัติของคนผิวสีได้อย่างไรกันล่ะ?” ที่หมายความประมาณว่า คนผิวขาวจะมารู้ประวัติศาสตร์คนผิวสีที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันได้อย่างไรกัน!?  …

  • โรงเรียนอนุบาลในจีนให้เด็กๆ ได้เรียนอนาโตมีด้วยการผ่าหมูสดๆ ให้เด็กดูเลย

    โรงเรียนอนุบาลในจีนให้เด็กๆ ได้เรียนอนาโตมีด้วยการผ่าหมูสดๆ ให้เด็กดูเลย

    ที่โรงเรียน อนุบาลเหอเป่ย์ ในมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน ได้มีการสอนให้นักเรียนได้รู้จักเรื่องร่างกายและความเป็นความตายผ่านการผ่าหมูทั้งตัวให้เห็นกันจะๆ ในเมือง Badong County มณฑลเหอเป่ย์ มีเด็กนักเรียนอนุบาลราว 600 คน กำลังรับชมชายชุดขาวใส่หมวกและผู้ช่วยอีก 2 คน กำลังชำแหละหมูตัวโตสดๆ และนำเอาเครื่องในหมูออกมาโชว์     ผู้ก่อตั้งโรงเรียนชี้แจงว่ากิจกรรมดังกล่าวให้ประโยชน์ใน 2 แง่ด้วยกัน ในแง่แรกคือการสร้างบรรยากาศวันตรุษจีนให้กับโรงเรียน ซึ่งเป็นปกติที่วันตรุษจีนจะต้องชำแหละหมูทั้งตัวเพื่อนำมาทำอาหารเลี้ยงฉลอง ส่วนในแง่ที่สองก็คือ เพื่อสอนให้เหล่าเด็กๆ รู้จักกับร่างกายในเชิงอนาโตมี เพื่อเป็นรากฐานในการศึกษาของเด็กๆ ในอนาคต   ภาพบรรยากาศในงานจะเป็นอย่างไร เชิญรับชมได้ตามคลิปด้านล่างนี้   ชาวเน็ตเองเมื่อเห็นจึงได้ออกมาวิจารณ์ว่าบทเรียนเหล่านี้มันดูจะป่าเถื่อนเกินไปหน่อยสำหรับเด็กอนุบาล ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงออกมากล่าวว่า เด็กๆ จะไม่มีการซึมซับเรื่องการทรมานสัตว์แน่นอน อีกอย่างก็คือก่อนจะมีกิจกรรมนี้ ทางโรงเรียนได้แจ้งพ่อแม่ของเด็กๆ ก่อน และก็ได้รับการอนุญาตแล้ว อันที่จริงแล้ว การชำแหละหมูโชว์เด็กๆ แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในชนบทของประเทศจีน     อย่างไรก็ตาม หมูที่ชำแหละในงานนั้นก็ถูกนำมาทำเป็นอาหารแจกพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงเด็กๆ เนื่องจากเป็นการเลี้ยงฉลองเทศการฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง   แต่ละที่ก็มีวิธีการสอนเด็กๆ ที่แตกต่างกันไป แต่การผ่าหมูสดๆ ให้เห็นอย่างนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งผลอย่างไรกับเด็กๆ ก็คงต้องรอการพิสูจน์กันต่อไปละนะ   ที่มา: Medium

  • 14 เหตุผลดีๆ ที่ทำให้ “ระบบการศึกษาฟินแลนด์” ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในโลก

    14 เหตุผลดีๆ ที่ทำให้ “ระบบการศึกษาฟินแลนด์” ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในโลก

    ถ้าหากให้เดาชื่อของประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพการศึกษาแล้ว เชื่อว่าชื่อของประเทศฟินแลนด์คงจะผุดขึ้นมาในหัวของหลายๆ คนอย่างแน่นอน เพราะอาจจะเคยได้ยินหรือได้เห็นกันมาบ้างว่าที่นี่นั้นดียังไง… และทางเว็บไซต์ brightside ได้รวบรวม 14 เหตุผลดีๆ ที่จะช่วยยืนยันว่าระบบการศึกษาของฟินแลนด์นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย…   1. ทุกๆ อย่างที่นี่ฟรี!! อย่างที่หลายๆ คนเคยทราบกัน การศึกษาของประเทศนี้ฟรี!! และไม่เฉพาะค่าเทอมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงค่าบริการต่างๆ อย่างเช่นการไปทัศนศึกษาและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการเรียนอีกด้วย นอกจากนี้นักเรียนที่อยู่ห่างจากโรงเรียนเกิน 2 กิโลเมตรก็ยังมีรถรับส่งฟรีอีกด้วย โดยในแต่ละปีพวกเขาจะจัดสรรงบประมาณ 12.2% จากงบประมาณทั้งหมดของประเทศเพื่อการศึกษา   2. เด็กๆ สามารถมีอิสระได้แบบที่เขาต้องการ เด็กๆ ทุกคนสามารถเลือกกิจกรรมและการเรียนได้ตามที่พวกเขาสนใจและตามความสามารถของตนเอง นอกจากนี้พวกเขายังมีคุณครูที่จะคอยให้ความรู้และความเข้าใจอย่างใกล้ชิด นั่นหมายความว่าบางวิชาที่ไม่น่าสนใจสำหรับพวกเขา เด็กๆ สามารถเลือกทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ อย่างเช่นการอ่านหนังสืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ตำรารเรียน หรือการเรียนเย็บผ้าได้   3. ที่นี่จะไม่มีการตัดเกรดจนกว่าเด็กๆ จะขึ้นป. 3 ระบบการคิดคะแนนผลการเรียนของที่นี่จะมีด้วยกัน 10 คะแนน โดยพวกเขาจะไม่มีการให้เกรดเด็กๆ จนกว่าพวกเขาจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และสำหรับการให้คะแนนเกรด ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะมีเพียงคำว่า “พยายามอีกนิด”…

  • นักวิจัยต่างประเทศกล่าว… ครอบครัวที่เข้มงวดกับลูกมากไป อาจทำให้เด็กเป็นคนขี้โกหก

    นักวิจัยต่างประเทศกล่าว… ครอบครัวที่เข้มงวดกับลูกมากไป อาจทำให้เด็กเป็นคนขี้โกหก

    ในวัยเด็กของเราทุกคนคงจะเคยถูกเลี้ยงดูมาโดยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป พ่อแม่บางคนอาจจะเลี้ยงลูกแบบถนุถนอม บางคนเลี้ยงด้วยเหตุผล บางคนเลี้ยงด้วยไม้เรียว บางคนอาจจะสร้างกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดมากๆ นั้น จะส่งผลเสียกับพฤติกรรมของลูกในระยะยาวได้นะ     เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลีเมล์ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของนักจิตอายุรเวทและนักเขียนหนังสือชื่อดังชาวอังกฤษ Philippa Perry บอกว่าการที่พ่อแม่เข้มงวดกับลูกมากเกินไปนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่อยากบอกความจริงกับพวกคุณ   Philippa บอกว่าทุกๆ คำโกหก ล้วนก่อตัวมาจากสถานการณ์ที่บังคับให้พวกเขาไม่สามารถพูดความจริงทั้งหมดได้ หากลูกๆ ของพวกเขากลายเป็นคนขี้โกหกล่ะก็ พ่อแม่ควรจะโทษการเลี้ยงดูของพวกเขาเอง การให้ความเห็นของเธอไม่ได้เป็นการกล่าวขึ้นมาลอยๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยของนักจิตวิทยาชาวแคนาดา Dr. Victoria Talwar ที่วัดและทำการทดลองกับเด็กโกหกมาแล้ว     Dr. Talwar ได้ทำการทดลองกับเด็กๆ ในโรงเรียนสองแห่งในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยในโรงเรียนแรกจะไม่มีการตั้งกฎเกณฑ์ใดๆ ปล่อยสบายๆ ส่วนอีกโรงเรียนจะตั้งกฎไว้อย่างเข้มงวดและมีบทลงโทษด้วย การทดสอบนี้ก็ง่ายๆ แค่ให้เด็กๆ เดาว่าวัตถุอะไรที่ทำให้เกิดเสียง โดยห้ามมองวัตถุนั้น เธอเรียกการทดลองนี้ว่า Peeping Game     เมื่อการทดลองเริ่มขึ้น พวกเขาให้เด็กๆ เข้าไปในห้อง แล้วผู้ทำการทดลองก็โยนบอลพลาสติกลงกับพื้น (ซึ่งมีเสียงแตกต่างจากบอลจริงๆ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดเดา) จากนั้นผู้ทำการทดลองก็ทำทีเป็นเดินออกไปข้างนอก แล้วกลับเข้ามาถามว่าเสียงที่ว่านั้นคืออะไร Dr.…

  • 15 ภาพคุณครูสุดเจ๋งจากทั่วโลก ที่ทุ่มเทให้กับการสอนสุดๆ จนต้องขอยกนิ้วให้เลย!!

    15 ภาพคุณครูสุดเจ๋งจากทั่วโลก ที่ทุ่มเทให้กับการสอนสุดๆ จนต้องขอยกนิ้วให้เลย!!

    เมื่อตอนเด็กๆ ภาพของคุณครูในความคิดของหลายๆ คน จะต้องเป็นผู้ที่มาพร้อมกับความโหด ใส่แว่นตาหนาๆ ถือไม้เรียวกันใช่ไหมละ แต่ความจริงแล้วมีคุณครูอีกตั้งมากมาย ที่ทั้งน่ารัก ไม่ดุ แถมยังชอบสร้างบรรยากาศสุดฮา และทุ่มเทในการสอนสุดๆ เหมือนดังเช่น 15 คุณครูจากทั่วโลกเหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นคุณครูตัวอย่างที่ทุ่มเทให้กับการสอนเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะสามารถรับมือกับเหล่าเด็กนักเรียนสุดแสบได้แล้ว พวกเขายังชอบหาวิธีสนุกๆ มาใช้ในการสอนเพื่อให้เด็กได้ผ่อนคลาย และไม่เครียดระหว่างเรียนอีกด้วย   นี่คือภาพน่ารักๆ ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ขออาสาอุ้มลูกของนักศึกษา ขณะที่เด็กกำลังร้องไห้กลางชั้นเรียน เพื่อปลอบโยนเด็กน้อยจนหยุดร้องไห้ พร้อมกับสอนหนังสือไปด้วย (อ่านเรื่องราวได้ที่นี่)   สโลแกนบนเสื้อเตือนใจให้นักศึกษาตั้งใจเรียน ‘ทุกอย่างที่ผมพูดจะออกสอบนะ’   เอิ่มมม ท่ายืนของของคุณครูคนนี้ ทำเอาลูกศิษย์ถึงกับเงิบไปเลย   ครูสุดติสท์ แต่งตัวเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในการเรียนวิชาประวัติศาสตร์   แซวหนักมากเลย ‘เวลาผ่านไปแล้ว แล้วเธอล่ะ จะสอบผ่านมั้ย?’   เมื่อคุณครูฟิสิกส์อธิบายคุณสมบัติของของเหลว   ครูสอนศิลปะ ใช้ชอล์กสร้างผลงานศิลปะสุดเจ๋งบนกระดานดำ เพื่อทำให้นักเรียนสนใจ และเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อได้   เมื่อไม่มีไม้บรรทัด คุณครูก็เลยนำเก้าอี้มาใช้วาดรูปสามเหลี่ยมซะเลย ทุ่มเทเพื่อการสอนมากจริงๆ   ครูที่เคยบอกนักเรียนไว้ว่า…

  • ถึงกับเงิบ!! คุณครูสั่งการบ้านให้เด็กสะกดคำว่า ‘xี’ พร้อมบอกผู้ปกครอง “อย่าคิดมาก”

    ถึงกับเงิบ!! คุณครูสั่งการบ้านให้เด็กสะกดคำว่า ‘xี’ พร้อมบอกผู้ปกครอง “อย่าคิดมาก”

    แม้ว่า#เหมียวฟิ้นจะผ่านวัยเรียนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังคงสนใจการเรียนการสอนของเด็กๆ สมัยนี้นะ เพราะต้องคอยช่วยดูการบ้านให้กับเด็กๆ หรือหลานๆ ที่บ้านเป็นครั้งคราว แต่ต้องยอมรับเลยว่าการบ้านแบบที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ อาจจะทำให้คุณเงิบเลยก็ได้…   เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ บราวนี่รสเสน่หา ได้เข้ามาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการบ้านวิชาภาษาไทยของหลานที่อยู่ชั้น ป.1 ซึ่งการบ้านนั้นเป็นการให้เด็กๆ แจกลูกสะกดคำของสระอี     แต่เมื่อเจอโจทย์ข้อหนึ่งเธอก็ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เพราะมีคำไม่สุภาพอยู่ในโจทย์ด้วย!? เธอจึงสงสัยว่าคำๆ นี้เป็นคำที่เกิดจากการพิมพ์ผิดหรือตั้งใจกันแน่เพราะเป็นคำที่หยาบคายเกินกว่าจะสอนเด็กประถมได้ ต่อมาคุณครูได้ให้คำตอบกับเธอว่า “คุณป้าอย่าคิดมาก ทุกวันนี้คำนี้ไม่ใช่คำไม่สุภาพแล้วนะคะ เราควรสอนให้เด็กรู้จักคำนี้ไปเลยค่ะ พวกครูภาษาไทยที่บอกว่าไม่เหมาะสมนั้นเป็นพวกหัวโบราณหรือเปล่าคะ คุณป้าอย่าคิดแทนเด็กเลยค่ะ พวกเขาไม่คิดอะไรหรอกค่ะ”   หลังจากที่กระทู้นี้เริ่มได้รับความสนใจจากชาวเน็ตในวงกว้าง ก็เริ่มมีสมาชิกคนอื่นๆ เข้ามาให้ความเห็นว่าคำดังกล่าวเป็นคำที่ค่อนข้างหยาบคาย ไม่ควรมาอยู่ในบทเรียน และแม้ว่าจะไม่ได้มีการเรียนการสอนคำนี้แต่ในอนาคตพวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว   ตัวอย่างคอมเม้นท์จากชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว…   คุณ ผู้หญิงเลือดเย็น “ดิฉันเองก็เป็นครูภาษาไทย(หัวโบราณตามที่ถูกแขวะ) เพราะจะขอยืนยันว่า คำนี้มันไม่ใช่คำที่สุภาพ” “ควรอธิบายและทำความเข้าใจกับเขา แต่มันไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ให้เป็นจุดเด่น การบอกว่าไม่เหมาะที่ครูจะเลือกมาใช้ในใบงานไม่ใช่ปิดกั้นไม่ให้เด็กรู้จักนะคะ” “#มีบางความเห็นบอกว่าคำนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนให้ความหมายมัน ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานเล่มปัจจุบัน ให้ความหมายคำว่า ห..อี.. ว่า น.อวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงหรือสัตว์เพศเมียบางชนิด” . คุณ พิมพ์นรา “คือ…คำอื่นที่เหมาะสม…