มินจี อดีตสมาชิก ‘2NE1’ เปิดใจกับสื่อ หลังต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า-ฉุดตัวเองดิ่งลง

เบื้องหน้าความสำเร็จในการจะมาเป็นดาวเด่นในวงการ K-Pop นั้น ต่างต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้พร้อมที่จะต้องไปเผชิญหน้าในวงการบันเทิง และทุกคนต่างก็ต้องแลกบางส่วนของชีวิตของตัวเองไปด้วย

มินจี (กง มิน-จี) อดีตสมาชิกวง 2NE1 ได้ออกมาเปิดเผยกับทาง Billboard เมื่อไม่นานมานี้ เกี่ยวกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของวงตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์ แต่กลับสร้างผลกระทบด้านลบในการเติบโตของตัวเอง การเข้าสังคม จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า

 

 

ความนิยมของวง 2NE1 เริ่มมาตั้งแต่ในช่วงปี 2009 โดยแจ้งเกิดจากเพลงซิงเกิลแรก ‘Fire’ ภายใต้สังกัดของค่าย YG Entertainment

จนถึงเดือนเมษยนปี 2016 มินจี เป็นเพียงสมาชิกคนเดียวที่ประกาศไม่ต่อสัญญากับค่าย ในขณะที่เพื่อนสมาชิกอีกสามคนที่เหลืออยู่ ก็ออกจากวงในวันที่ 25 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน

 

 

สำหรับ มินจี เข้าร่วมวง 2NE1 มาตั้งแต่อายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น และเป็นคนที่คอยช่วยสร้างท่าเต้นใหม่ๆ ให้กับวงอย่างสม่ำเสมอ

เธอนึกย้อนและเล่าไปถึงช่วงที่กำลังเริ่มต้นเส้นทางกับวงใหม่ๆ กลับกลายเป็นการฉุดรั้งการเติบโตของตัวเธอเอง และไม่มีทักษะในการเข้าสังคมเลย

“ตั้งแต่ช่วงเป็นวัยรุ่นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุม ฉันไม่เคยเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมเลย ฉันไม่เคยมีชีวิตช่วงวัยเด็กเหมือนคนทั่วไป ฉันไม่เคยอยากออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ฉันทำได้แต่ซ้อม และทุกคนก็มีอายุมากกว่าฉันด้วย”

 

 

มินจี ไม่ได้อยากกล่าวโทษหรือเกลียดทางค่ายแต่อย่างใด ทำได้แค่เพียงอ่านคอมเมนต์ของชาวเน็ตเกาหลีใต้ที่แสดงความรู้สึกในทางลบต่อวง 2NE1 เคยเรียกพวกเธอว่าเป็นวงอัปลักษณ์มาก่อน

 

“ฉันไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับสิ่งเหล่านี้ยังไง ฉันจึงเก็บมันเอาไว้กับตัวมาตลอด”

 

เธอพูดถึงในช่วงจุดต่ำสุดของชีวิตตัวเองในช่วงวัย 16 และ 17 ปี เมื่อภาวะซึมเศร้าเริ่มเข้ามา และความคิดที่จะฆ่าตัวตายก็เริ่มส่งผลกระทบด้านลบกับตัวเธอเองมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับเป็นช่วงฮิตของเพลง I Am the Best และ Ugly พอดี

 

 

มินจี พยายามที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเองตลอดเวลาในช่วงที่ยังอยู่ในวง 2NE1 โดยหวังว่าจะออกผลงานเดี่ยวได้ในไม่ช้า แต่ทว่าผู้ใหญ่ของค่ายไม่ยอมให้มีงานเดี่ยวของเธอออกมา

ปัจจุบันแม้จะแยกทางกันไปแล้ว แต่มินจีก็ยังคงเรียกสมาชิกเพื่อนร่วมวงเป็นพี่สาวอยู่เสมอ แต่เมื่อถึงเวลาที่โรคซึมเศร้าฉุดเธอให้ดิ่งลงไป มินจีกลับไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย

 

ด้วยสภาพสังคมของเกาหลีใต้ที่มักจะโฟกัสในเรื่องของภาพลักษณ์อยู่เสมอ อาการป่วยทางจิตก็กลายมาเป็นสิ่งต้องห้ามและถูกมองข้ามไป

 

“ผู้คนไม่เคยรู้เลยว่าฉันกำลังลำบาก ฉันต้องเผชิญกับปัญหาอย่างเดียวดาย”

 

ซึ่งในที่สุดแล้ว มินจีก็ได้รับกำลังใจดีๆ จาก เทดดี้ ปาร์ค แรปเปอร์ในค่ายเดียวกัน ที่เป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจและช่วยให้เธอกำจัดความคิดแย่ๆ ออกไปด้วยความเชื่อทางศาสนาคริสต์

“ฉันอยากจะขอบคุณ เทดดี้ มากๆ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ดีในชีวิตของฉัน ช่วยทำให้ฉันสู้ต่อแม้ในช่วงที่ต้องเจอกับภาวะซึมเศร้าอย่างหนัก”

 

https://www.instagram.com/p/Boz6BYbDur_/

 

เมื่อมินจีอายุประมาณ 17 และ 18 ปี เธอก็ได้พบกับกลุ่มคนที่มีความเชื่อเหมือนๆ กัน และช่วยเป็นกำลังใจให้เธอต่อสู้ฝ่าฟันความยากลำบากในชีวิต เพื่อค้นพบจุดยืนของตัวเองได้ในที่สุด

 

https://www.instagram.com/p/BrjevYSDjTn/

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มินจี ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพื่อพาตัวเองมารักษาอาการซึมเศร้าให้หายดีเสียก่อน และหลังจากที่พักฟื้นมาระยะหนึ่งแล้ว ก็อยากเดินตามเส้นทางสายดนตรีต่อ ด้วยการเซ็นสัญญากับค่ายเล็กๆ และตั้งเป้าหมายความสำเร็จในอาชีพสำหรับตัวเอง

 

 

มินจีเองต้องการที่จะให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาทางสุขภาพจิตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกรณีของ คิม จง-ฮย็อน วง SHINee ที่ประสบกับโรคซึมเศร้า จนนำไปสู่การฆ่าตัวตายในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2017

 

 

“ฉันอยากจะให้เยาวชนและศิลปินหน้าใหม่ทุกคนได้รู้ว่า ความสำเร็จในวงการบันเทิงนั้น ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ตัวเราเอง จะต้องใช้ชีวิตต่อไปในฐานะคนคนหนึ่งค่ะ”

 

ที่มา: billboard, @_minzy_mz, allkpop, nextshark

Comments

Leave a Reply