ชายหนุ่มผู้ละทิ้งทุกอย่าง พาแมวเหมียวสุดรัก ออกท่องเที่ยวด้วยกันมานาน 3 ปีแล้ว

ชายหนุ่มคนหนึ่งเบื่อชีวิตเดิมๆ ที่ต้องวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกวัน เขาอยากเติมเต็มรสชาติให้กับชีวิตจึงทิ้งทุกอย่างแล้วออกท่องเที่ยว แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทิ้งเลย…นั่นคือเจ้าแมวดำที่เขารัก

หนุ่มชาวออสเตรเลีย Rich East เกิดและเติบโตมาในเมืองโฮบาร์ด รัฐแทสเมเนีย เขาเบื่อกับชีวิตที่เป็นอยู่และอยากรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง เมื่อปี 2015 เขาจึงได้ขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อเตรียมออกท่องเที่ยว

 

 

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เขาเก็บเอาไว้ นั่นก็คือเจ้าแมวดำ Willow ซึ่งเป็นเพื่อนตัวโปรดของเขา Rich ใช้เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินเพื่อซื้อรถแวนคันหนึ่งไว้ใช้ท่องเที่ยวกับมัน

ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางกับเจ้าแมวมาก็เป็นเวลา 3 ปีครึ่งแล้ว พวกเขาไปเที่ยวกันมาแทบทุกส่วนของประเทศออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ทะเลทราย ป่าเขา และอื่นๆ อีกมากมาย จนถึงตอนนี้การเดินทางของพวกเขาก็ยังไม่จบลง

 

 

การเดินทางทำให้ Rich รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าอีกครั้งหนึ่ง ทว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วการเดินทางอาจจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ก็ได้ สิ่งที่มีความหมายจริงๆ ก็คือการได้ออกไปท่องเที่ยวโดยมี Willow อยู่ข้างๆ ต่างหาก

เขารักการได้มองวิวที่สวยงามผ่านมุมมองของเจ้า Willow และก็รู้สึกดีเวลามีมันอยู่ด้วย เจ้าแมวนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เขามีความสุข

 

 

Rich และเจ้าแมวไปเที่ยวด้วยกันมานานแล้ว

 

โดยใช้รถแวนเป็นบ้านของตัวเอง

 

พอได้ท่องเที่ยวเยอะๆ แล้ว เขาก็รู้สึกว่าประเทศออสเตรเลียทั้งหมดเป็นสวนหลังบ้านยังไงยังงั้น

 

 

พวกเขาเคยหยุดพักเที่ยวและกลับไปที่บ้านเกิดมาแล้ว

 

ทำให้เขาและเจ้าแมวได้เจอญาติๆ ด้วย

 

แต่มันก็เป็นแค่การหยุดพักสั้นๆ พวกเขายังอยากเดินทางด้วยกันต่อไป

 

มุมนี้เป็นมุมโปรดของ Willow เพราะเห็นวิวได้ชัด

 

ทาสไปไหนก็ไปกับทาส เป็นเด็กดีไม่ดื้อซน

 

เจ้าแมวดูสนใจสิ่งใหม่ๆ ตลอดเลย

 

ไปไหนกันต่อดีน้อ

 

Willow มีปลอกคอ GPS ดังนั้นไม่ต้องกลัวหลงกับทาส

 

กินและอยู่กันในรถแวนเลย มีทั้งเตียง ห้องครัว และทุกอย่างครบ

 

เคยไปทะเลทรายมาแล้วนะ อิจฉาป่าว

 

ไม่ว่าบรรยากาศจะเปลี่ยวแค่ไหน มีแมวอยู่ด้วยก็อุ่นใจ

 

เมืองนี้ชื่อเหมือนเราเลย

 

ติดตามการผจญภัยของ Willow และทาสได้ที่ www.vancatmeow.com

 

ที่มา: borepanda, Van Cat Meow


Tags:

Comments

Leave a Reply