เปิดเรื่องราวตำนานของ “แฮตเชปซุต” ฟาโรห์หญิงแห่งอียิปต์ ที่มักถูกหลงลืมโดยผู้คน

ในปี 1903 เคยมีการค้นพบมัมมี่เพศหญิงร่างหนึ่งที่มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์อียิปต์เป็นอย่างมาก แต่ในเวลานั้นเอง กลับไม่มีใครทราบเลยว่ามัมมี่ร่างนี้มีความสำคัญขนาดไหน

 

 

นั่นคือครั้งแรกที่มีการค้นพบร่างของ “แฮตเชปซุต” ฟาโรห์หญิงแห่งอียิปต์โบราณ ผู้ครองราชย์ในช่วง 1507-1458 ปีก่อนคริสตกาล และมีชื่อเสียงในฐานะฟาโรห์หญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งอียิปต์

จริงอยู่ที่ว่าในอียิปต์โบราณมีอยู่หลายครั้งที่ผู้หญิงได้ครองอำนาจ แต่ฮัตเชปซุตคือผู้ที่ปกครองอียิปต์ให้เจริญรุ่งเรือง และยาวนานกว่าฟาโรห์หญิงคนอื่นมาก

 

 

เดิมทีแล้วฮัตเชปซุตแต่งงานกับฟาโรห์ทุตโมสที่ 2 และต้องสำเร็จราชการแทนฟาโรห์ทุตโมสที่ 3 ซึ่งเป็นลูกชายต่างสายเลือด ไม่นานหลังจากที่ทุตโมสที่ 2 สิ้นพระชนม์ไป

อย่างไรก็ตามในขณะรับบทบาทเป็นฟาโรห์จำเป็น ฮัตเชปซุตกลับได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากจากภายในประเทศ จนถึงขั้นที่ว่าแม้ทุตโมสที่ 3 จะโตพอที่จะขึ้นครองราชย์แล้ว ฮัตเชปซุตก็ยังคงรักษาสถานะฟาโรห์ของเธอเอาไว้ได้

นั่นทำให้ตลอด 21 ปีนั้นอียิปต์ได้อยู่ใต้การปกครองร่วมระหว่างฟาโรห์ทั้งสองนั่นเอง

 

 

เป็นไปได้ว่าที่ฮัตเชปซุตครองราชย์ได้นานขนาดนี้ อาจจะมาจากความสามารถในการชักจูงคนสูงก็เป็นได้ เพราะในภาพสลักจากสมัยโบราณ มีอยู่บ่อยครั้งที่มีการบันทึกว่า การครองราชย์ของเธอเป็นความต้องการของเทพ

นอกจากนี้ในระหว่างการปกครองของเธอ ยังมีหลักฐานที่ว่าเธอนั้นปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่หลายครั้งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นที่มีหนวดเครา หรือบันทึกบางส่วนจากสมัยก่อน

 

 

นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกทีเดียวเพราะในสมัยนั้นน่าจะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยเลยที่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง เพราะแม้แต่รูปปั้นที่มีหนวดเคราของเธอ ก็ยังมีการทำส่วนเอวให้คล้ายกับผู้หญิงอยู่ด้วย

ถึงอย่างนั้นฮัตเชปซุตก็ยังครองราชย์ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรนัก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปกครองของเธอเป็นอย่างดี

 

 

ฮัตเชปซุตได้สร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่กว่าบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ หลายแห่ง อย่างการสร้างเสาร์โอเบลิสก์ในวิหารคาร์นัค การสร้างวิหารใน Deir el-Bahari และการสร้างอนุสาวรีย์อีกเป็นจำนวนมาก

น่าเศร้าที่หลังจากที่เธอจากไป หลักฐานการมีอยู่ของเธอหลายๆ อย่างก็ถูกลบไป เพราะแม้แต่ชื่อของเธอในหุบเขากษัตริย์ก็ไม่มีการถูกบันทึกเอาไว้เลยด้วย เป็นไปได้ว่าเพราะคำสั่งของทุตโมสที่ 3

 

 

การลบร่องรอยในครั้งนี้ส่งผลกับการทำงานของนักโบราณคดีเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่มัมมี่ของเธอเอง กว่าที่จะมีการตรวจสอบจนพบว่าเป็นของอดีตฟาโรห์ ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามการค้นพบในครั้งนี้ก็ทำให้มัมมี่ของฮัตเชปซุตได้ถูกรับรู้จากคนทั่วโลกอีกครั้ง ในฐานะของฟาโรห์หญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งอียิปต์นั่นเอง

 

ที่มา livesciencehistoryancient-originssmithsonianmag, National Geographic

Comments

Leave a Reply