แม่โอด…ลูกที่เป็นเด็กพิเศษ โดนผอ. ตบบ้องหูแรงจน ‘แก้วหูทะลุ’ แถมบีบให้ย้ายโรงเรียน!!

คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมรักลูกของตัวเองเป็นธรรมดา ยิ่งถ้าหากว่ามีใครมาทำร้ายร่างกายลูกของตัวเองแล้วก็ต้องทำให้ต้องเจ็บปวดใจยิ่งนัก

เช่นเดียวกันกับคุณแม่ท่านนี้ ที่ลูกของตัวเองที่เป็นเด็กพิเศษ ถูกผอ. โรงเรียนตบจนแก้วหูทะลุเลยทีเดียว อีกทั้งยังถูกบีบบังคับให้ย้ายโรงเรียนอีกด้วย!!

เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก ณัฐกานต์ อนันต์ชัยพัทธนา ผู้เป็นแม่ได้โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวว่าดังกล่าวผ่านทางหน้าวอลของตัวเอง

 

ลองเข้าไปอ่านโพสต์เต็มๆ กันก่อนที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…

 

“อยากจะขอคำปรึกษา และขอความช่วยเหลือ น้องโดน ผอ. ตบจนแก้วหูทะลุ เรื่องมีอยู่ว่า น้องเป็นเด็กพิเศษค่ะ อาการคือจะมีอารมณ์โกรธและโมโหจนคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อถูกล้อหรือโดนภาวะกดดันไปกระตุ้นอารมณ์ ต้องได้พบแพทย์อย่างต่อเนื่อง และทานยาทุกวัน

แต่การใช้ชีวิตโดยทั่วไปเหมือนเด็กปกติค่ะ และเมื่อวันที่ 4 มิ.ย 61 เด็กเล่นกันแล้วเกิดการทะเลาะกันแล้วก็จับแยกแล้วให้ขอโทษกัน แล้วสืบเนื่องมาวันที่ 5 มิ.ย 61 ครูเวรได้นำเรื่องไปเล่าผ่านเครื่องกระจายเสียงของโรงเรียนและบอกให้น้องขึ้นไปพูดเล่าเรื่องเมื่อวานเพียงลำพัง

ซึ่งทำให้เด็กมีภาวะอารมณ์ไม่ปกติอยู่แล้ว จึงเกิดความอับอายและโมโหจนคุมสติไม่อยู่ น้องก็วิ่งไปหาคุณครูและกรีดร้องด้วยความคุมอารมณ์ไม่ได้ ผอ.จึงนำสายนกหวีด มัดมือน้องไพล่หลังไว้และระหว่างนั้นครูประจำชั้นโทรเรียกคุณแม่มาที่โรงเรียน

 

 

พอจังหวะที่คุณแม่ไปถึงได้ เห็น ผอ.กำลังฉุดกระชากเด็กนั่งลงกับพื้นแล้วใช้มือขวาตบเข้าที่ข้างหูขวาของน้องอย่างแรง คุณแม่รีบวิ่งไปกอดน้องในสภาพที่ผวาและตัวสั่นและน้องบอกคุณแม่ว่า “หูลูกไม่ได้ยินแล้ว”

คุณแม่ช็อกและตกใจกับเหตุการณ์นั้นมากจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่กอดน้องไว้จนตัวสั่น หลังจากนั้น ผอ. ท่านก็เรียกให้คุณแม่ไปพบในห้อง แล้วบอกคุณแม่ว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่ต้องพาน้องมาเรียนที่นี้แล้วให้คุณแม่เซ็นใบย้ายน้องออกไปเรียนที่อื่นโดยให้เหตุผลว่าย้ายติดตามผู้ปกครอง

คุณแม่รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องหลังจากนั้นคุณแม่พาน้องไปหาหมอ หมอให้ใบรับรองแพทย์มา ว่า “แก้วหูทะลุ”

 

 

ตอนนี้คุณแม่กำลังหาโรงเรียนให้น้อง ซึ่งยังไม่มีที่เรียน และเนื่องจาก น้องอยู่กับแม่ 2 คน เช่าหออยู่ด้วยกัน หากน้องไปเรียนที่ไหน คุณแม่ต้องย้ายหอไปอยู่แถวนั้น

เพื่อให้น้องเดินไปเรียนเองได้ อยากจะขอความช่วยเหลือ และขอคำปรึกษา จากพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หากโรงเรียนไหนยังรับนักเรียนอยู่ ขอรบกวนช่วยแจ้งหน่อยค่ะ น้องอยู่ชั้น ป.5 ค่ะ”

 

เรื่องราวนี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์โพสต์ถึง 7,400 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 7,220 ครั้งเลยทีเดียว

 

ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา

 

บ้างก็ตำหนิผอ. ว่า “ถ้าคุณเป็นถึงผู้อำนวยการแล้วไม่สามารถ วบคุมกิริยาอารมณ์ของตัวเองได้ ใช้สันดานหมากับเด็กนักเรียนที่มีความผิดปกติทางด้านอารมณ์แบบนี้ ไปเป็นควายอยู่บ้านเฉยๆ นะคะ #รักจะเป็นครูต้องควบคุมเด็กได้โดยไม่ใช้กำลัง #เสียดายปริญญาที่เรียนมาการศึกษาสูงซะเปล่า #วุฒิภาวะทางด้านอารมณ์ของมึงยังคุมไม่ได้อย่าไต่เต้าจนถึงผอ.เลยยย สัสสสสสส #ถ้าเกิดกับลูกหลานกูนี่ มึงจะไม่ได้เป็นผอ.อีกเลย #แชร์ไปให้โลกรู้หมาอยู่ทางนี้”

 

บางคนก็แนะนำเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียน และการดำเนินคดีทางกฎหมาย “ถ้าเป็นโรงเรียนรัฐ ไม่ว่าที่ไหน ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ให้เด็กเรียน ไม่ว่าเด็กจะเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ ผู้ปกครองสามารถแจ้งความได้ และแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย ผอ. ผิดวินัยร้ายแรง ผิดจรรยาบรรณด้วย ผิดกฎหมายด้วย ฟ้องร้องดำเนินคดีเลยครับ”

 

บ้างก็บอกว่าถ้าตนเป็น ผอ. จะกอดน้องให้น้องรู้สึกปลอดภัย เพราะการตบบ้องหูเด็กแบบนั้นจะทำให้เป็นปมฝังใจ “ถ้าเราเป็นผอ. แล้วรับรู้ถึงอาการของน้อง เราจะกอดน้องเพื่อให้น้องรู้สึกปลอดภัย ผอ.ทำแบบนี้คือสร้างปมให้น้องไม่ว่านะไปเรียนที่ไหนน้องก็จะกลัว เอาเรื่องให้ถึงที่สุดค่ะแม่”

 

แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ที่ ผอ. ทำนั้นเกินกว่าเหตุหรือไม่ ก็ลองคอมเมนต์กันเข้ามาได้นะจ๊ะ

 

ที่มา : ณัฐกานต์ อนันต์ชัยพัทธนา

Comments

Leave a Reply