คุณแม่จีนขายลูกสาวของตนเพื่อเงิน 250,000 บาท ก่อนจะนำเงินนั้นไปซื้อเครื่องสำอาง…

ถ้าพูดถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว หลายๆ คนมักจะพูดถึงความรักที่แม่มีให้ลูก เพราะกว่าจะมีเจ้าตัวน้อยออกมาลืมตาดูโลกให้เราเห็นได้นั้น แม่ต้องแบกลูกน้อยไว้ในครรภ์ถึง 9-10 เดือน แถมกว่าจะเลี้ยงลูกจนโตก็เรียกว่าเสียทั้งเวลาและเงินทองไปมากมาย

แต่ทฤษฎีความรักที่ยิ่งใหญ่นี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับคุณแม่ทุกๆ คนบนโลก บางคนอาจจะเห็นลูกเป็นอะไรที่ไม่น่าเกิดขึ้นมาหรือบางคนก็อาจจะเห็นลูกเป็นเครื่องมือในการหาเงินเพียงอย่างเดียว

เหมือนกับเรื่องของคุณแม่ที่เราจะนำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องของคุณแม่คนหนึ่งที่ใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการหาเงิน เธอได้ขายลูกทิ้งแถมยังนำเงินที่ได้รับมาไปซื่้อเครื่องสำอางหน้าตาเฉย

 

 

ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2018 ที่เพิ่งมาผ่านมานี้ คุณแม่คนดังกล่าวได้เดินเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในเจิ้งโจวเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน โดยที่เธอแจ้งความว่า Huahua ลูกสาววัยหนึ่งขวบของเธอนั้นหายตัวไป

คุณแม่คนนี้มีนามสกุลว่า Yu มาจากมณฑลยูนนาน เธอบอกว่าเธอมาที่เจิ้งโจวเพื่อที่จะมาเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่ แต่ทันทีที่เธอมาถึงเธอกับลูกสาวของเธอก็ได้พลัดหลงกันที่สถานีรถไฟ

 

 

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการสืบสวนคดีนี้เป็นเวลา 10 ชั่วโมง ตำรวจก็พบว่าสาวน้อยไม่ได้หายตัวไปเหมือนอย่างที่คุณแม่ได้บอกกล่าว ซึ่งกลับกันเลยเพราะที่ลูกสาวเธอหายไปเป็นเพราะฝ่ายคุณแม่เป็นคนขายลูกสาวออกไปต่างหาก

โดยที่คุณแม่คนนี้ได้กล่าวว่าเธอถูกบังคับให้ขายลูกของตัวเองไปด้วยราคา 50,000 หยวนหรือ 250,000 บาทหลังจากที่มาถึงเมืองเจิ้งโจวแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นคุณแม่ก็นำเงินไปชอปปิงซื้อเครื่องสำอางไปด้วยเงิน 30,000 บาทและยังซื้อของอื่นๆ อีกด้วย

 

 

แต่ด้วยการทำงานที่รวดเร็วของตำรวจ ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2018 ตำรวจก็สามารถแกะรอยตามหาสาวน้อยและส่งเธอคืนสู่อ้อมกอดของพ่อของเธอได้ในที่สุดและยังสามารถจับกุมสองบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าเด็กอีกด้วย

จากเหตุการณ์ในคราวนี้คุณแม่คนนี้จึงได้ถูกยกไปเปรียบเป็นคุณแม่ที่เลวร้ายที่สุดแข่งกันกับคุณแม่อีกคนก่อนหน้านี้ที่ได้ใช้ลูกสาวที่ป่วยของตัวเองเป็นเครื่องมือรับบริจาคเงิน แต่แทนที่เธอจะนำเงินที่ได้รับบริจาคมาไปรักษาลูกสาว แต่กลับนำไปใช้รักษาลูกชายแทน

สุดท้ายลูกสาวที่ไม่ได้รับการรักษาใดๆ จึงได้เสียชีวิตลงเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านมานี้เอง

 

ที่มา Medium


Tags:

Comments

Leave a Reply