เพื่อความรักที่แท้ทรู… หนุ่มอินเดียปั่นจักรยานข้ามทวีปเพื่อไปหาสาวคู่ชีวิตกว่า 3,500 กม.

มีคนเขาว่ากันว่า เพื่อรักแท้แล้ว มนุษย์ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ซึ่งก็น่าจะจริงตามที่ว่ากันไว้เพราะความรักเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถออกแบบมันได้ เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นหากคิดว่าเจอกับรักแท้แล้วจึงต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อไขว่คว้ามันมา

เหมือนอย่างเรื่องของชายคนนี้ ที่ได้ปั่นจักรยานข้ามทวีปเพื่อเดินทางไปหาหญิงอันเป็นที่รัก ซึ่งไม่ว่าลำบากลำบนขนาดไหน เขาก็ไม่คิดที่จะย่อท้อ นี่สิรักแท้ที่แท้ทรู

 

 

ชายคนนี้ชื่อว่า PK Mahanandia ชายผู้โชคร้ายเกิดมาภายในวรรณะจัณฑาลในประเทศอินเดีย ตัวตนของเขาเป็นเหมือนกับสิ่งที่ไม่สมควรมีอยู่ ถูกรังเกียจ เหยียดหยามและกดขี่ ที่แม้แต่จะเข้าห้องเรียนยังทำไม่ได้

เขาเล่าว่าตัวของเขามีฐานะต่ำกว่าหมาและวัวอีกด้วยซ้ำ เวลาที่เขาไปใกล้กับวัดผู้คนก็จะกว้างก้อนหินใส่เขา เวลาที่เขาจากจะเรียนรู้อะไรต่างๆ ก็ทำได้แค่นั่งฟังอยู่นอกห้องเรียนเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง จากการมาของผู้เยี่ยมชมโรงเรียน มันได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

 

 

นั่นคือมีเด็กสาวชาวยุโรปพร้อมกับผู้ตรวจสอบโรงเรียนชาวอังกฤษมาเยี่ยมโรงเรียน ผู้ตรวจสอบมอบพวงมาลัยให้กับเด็กสาว แต่แทนที่เด็กสาวจะนำพวงมาลัยคล้องคอตัวเอง เธอกลับนำมันไปให้กับ Mahanandia พร้อมยังลูบหัวและบอกอีกว่า “ผมหยิกของเธอน่ารักดีนะ”

แน่นอนว่า Mahanandia มีความสุขมากและก็เป็นเวลาเดียวกับที่น้ำตาไหล มันเหมือนกับเสียงสว่างเพียงนิดเดียวที่ส่องเข้ามาในชีวิตอันมืดมน เขารีบกลับบ้านไปบอกแม่ว่าเขาตกหลุมรักผู้หญิงผิวขาว อะไรก็ตามที่เธอบอกกับเขาในวันนั้นมันจะอยู่กับเขาตลอดไป

เมื่อได้ยินดังนั้น แม่ของเขาจึงได้ทำนายชะตากรรมจากลายมือของเขาและได้ผลว่าเขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงผิวขาว มาจากแผ่นดินไกล ซึ่งเธอจะมีราศีพฤษภ มีความเกี่ยวข้องกับเสียงดนตรีและเป็นเจ้าของป่าอีกด้วย

 

 

ต่อมาในปี 1975 Mahanandia ได้กลายเป็นนักเรียนศิลปะ แต่ด้วยฐานะยากจนทำให้เขาต้องนอนหลับตามตู้โทรศัพท์ ป้ายรถเมล์เป็นส่วนมาก จนกระทั่งเขาได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองโดยการวาดรูปของดารา ศิลปิน คนดังรวมถึงนักการเมือง

และชีวิตเขาก็ได้มาถึงจุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อในวันหนึ่งเขาได้ไปนั่งวาดรูปอยู่ที่ Delhi’s Central Square ที่ซึ่งเขาได้เจอกับ Charlotte Von Schedvin รักแท้ของเขาอีกครั้ง

เธอได้เข้ามาหาเขาเพื่อขอให้เขาวาดรูปให้ แต่รูปที่ได้มันไม่ใช่สุดฝีมือของเขา เขาบอกว่ามือของผมมันสั่นนิดหน่อย เขาเลยบอกให้เรามาเจอกันอีกทีในวันหลัง แน่นอนในตอนนั้น Mahanandia คิดว่า Charlotte เป็นผู้หญิงในโชคชะตาของเขาแน่ๆ และตัดสินใจที่จะถามอะไรเธอเมื่อเจอกันครั้งต่อไป

 

 

และเมื่อพวกเขาได้กลับมาเจอกันในวันหลังตามที่ได้นัดกันเอาไว้ Mahanandia ก็ได้เริ่มถามคำถามอะไรเล็กน้อย ปรากฏว่าคำตอบที่เขาได้คือรู้ว่าเธอเกิดในราศีพฤษภ เป็นนักดนตรี (เล่นเปียโน) และเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นป่าในสวีเดนอีกด้วย

เขากล่าวว่า “ตัวผมสั่นไปหมด มันเป็นการตัดสินใจของสวรรค์ โชคชะตานำพาให้เราได้กลับมาเจอกัน” ซึ่ง Charlotte ก็ช็อกเมื่อได้รู้แบบนั้นเข้า แต่เธอก็ยังเชื่อในสัญชาตญาณและตาม Mahanandia ไปหาพ่อของเขาเพื่อรับพร โดยที่เธอกล่าวว่า “ฉันไม่คิดอะไรเลย ฉันแค่ตามหัวใจมาอย่างเดียว แบบไม่มีตรรกะใดๆ”

 

 

คู่รักทั้งสองได้ใช้เวลาได้กันหนึ่งเดือน ก่อนที่ Charlotte จะต้องกลับบ้านของเธอที่สวีเดน แต่ Mahanandia ไม่สามารถกลับไปกับเธอได้ เพราะเขายังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีกว่าจะเรียนจบจากวิทยาลัยศิลปะ

โดยปกติการที่คู่รักต้องอยู่ห่างกัน หลายๆ คู่อาจจะต้องเลิกรากันไป ต่อสำหรับคู่นี้พวกเขากลับมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

และหลังจากนั้นหนึ่งปี Mahanandia ก็ได้เขียนจดหมายบอก Charlotte ว่าเขาจะปั่นจักรยานจากอินเดียเพื่อไปหาเธอที่สวีเดน

 

 

จากอินเดียไปสวีเดนมีระยะทางประมาณ 3,500 กิโลเมตร เขาเริ่มต้นด้วยเงินติดตัวเพียง 2,500 บาท ซึ่งถือว่าน้อยมากกับการเดินทางที่ยาวไกลขนาดนี้ แต่ต้องขอบคุณทักษะการวาดรูปของเขาที่ทำให้เขาสามารถหาเงินด้วยการรับวาดรูปในระหว่างทางได้ ซึ่งเมื่อถึงสวีเดนเขามีเงินมากถึง 25,000 บาท

เขากล่าวว่าเกี่ยวกับเดินทางครั้งนั้นว่า “บางวันคุณก็ต้องปั่นมากกว่า 60 กิโลเมตร แต่บางวันเรื่องมันง่ายขึ้นอีกหน่อย เมื่อมีรถตามทางได้ให้ความช่วยเหลือวันละสองหรือสามรอบเลยล่ะ” และเขายังกล่าวเพิ่มอีกว่าถึงผมจะปั่นจักรยานไปหารักแท้ แต่ผมก็ไม่ได้รักที่จะปั่นจักรยานนะ

 

 

และหลังจากความพยายามและการเดินทางที่ยากลำบาก Mahanandia ก็ได้เดินทางไปถึงเมือง Boras ประเทศสวีเดนเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1977 จนได้

และในตอนแรกเพื่อนๆ ของทั้งคู่คิดว่าความรักสุดแสนโรแมนติกนี้ต้องไปไม่รอดแน่เลย แต่ขอบอกเลยว่าคิดผิด เพราะปัจจุบันนี้ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตรักอยู่ด้วยมามากกว่า 40 ปีแล้ว! ช่างเป็นความรักที่น่าอิจฉาเสียจริงๆ

 

ที่มา Lifebuzz

Comments

Leave a Reply