เมาคลีตัวจริง!! ชายที่ถูกหมาป่ารับเลี้ยงกว่า 12 ปี รับเกลียดการใช้ชีวิตในแบบมนุษย์…

ที่ผ่านมาเรามักจะรู้จักเรื่อง “เมาคลี ลูกหมาป่า” ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกเมาป่าเก็บไปเลี้ยง แต่ใครจะไปคาดคิดเล่า ว่าในชีวิตจริงก็มีคนถูกหมาป่ารับไปเลี้ยงเช่นกัน

โดยเขาคนนั้นชื่อว่า Marcos Rodriguez Pantoja ผู้ซึ่งเกิดในประเทศสเปนตั้งแต่ปี 1946 และได้กล่าวว่าได้ใช้ชีวิตช่วงเด็กอาศัยอยู่กับหมาป่าเป็นเวลากว่า 12 ปี

 

 

แม่ของ Marcos เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้สามขวบและเขายังต้องถูกขายไปให้กับคนเลี้ยงแกะ ผู้ซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวกลางภูเขา Sierra Morena และโชคร้ายของเขาไม่ได้หมดลงเพียงเท่านั้น เพราะคนเลี้ยงแกะที่เขาไปอยู่ด้วยกลับเสียชีวิตจากเขาไปอีกในตอนที่เขาเพิ่งจะอายุเจ็ดปีเท่านั้นเอง

และในช่วงเวลานี้ช่วงที่เขาถูกรับไปเลี้ยงโดยฝูงหมาป่า ผู้ที่เปรียบเสมือนกับพี่ชาย น้องชายและคุณแม่ที่ดูแลเลี้ยงดูเขามาอย่างดี

 

 

การใช้ชีวิตกับฝูงหมาป่านั้น เขาต้องนอนหลับอยู่ในถ้ำร่วมกันกับค้างคาว งู รวมถึงกวาง และเขายังได้เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดจากการใช้ชีวิตในป่าใหญ่

จนกระทั่งอายุสิบเก้าปี ยามได้ค้นพบกับเขาโดยบังเอิญและได้พาเขาจากบ้านในป่าอันเป็นที่รักมา ซึ่งภายหลังเขาได้บอกว่าเขารู้สึกคิดถึงที่นั่น

และเมื่อต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เขาได้บอกว่าเขาต้องต่อสู้กับความหนาวเย็นของโลกมนุษย์ เพราะในตอนที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับหมาป่า แม้ว่าอุณหภูมิจะต่ำ แต่เขาก็สามารถวิ่งเล่นด้วยเท้าเปล่าเปลือยครึ่งตัวบนกับเหล่าฝูงหมาป่าที่คอยให้ความอบอุ่นได้

 

 

ในตอนที่เขาถูกพาออกมาจากป่า มนุษย์ปกติอาจมองว่านั่นคือ ‘ความช่วยเหลือ’ แต่จริงๆ แล้ว ณ วินาทีนั้น ‘โลก’ ของ Marcos ก็ได้พังทลายลง และเขาไม่สามารถรู้สึกถึงความสุขได้เหมือนตอนที่เขาอยู่หมาป่า

เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาทั้งถูกโกง ถูกดูถูกเหยียดหยาม ถูกเอาเปรียบจากเจ้านาย หลังจากการพยายามที่ต้องดิ้นรนเพื่อกลับมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์แบบดั้งเดิมที่เขาควรจะเป็น

 

 

หลายๆ คนคงสงสัยว่า หากเขาไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ล่ะก็ ทำไมเขาถึงไม่กลับไปอยู่กับฝูงหมาป่าเหมือนเดิมล่ะ คำตอบคือเขาพยายามกลับไปที่ภูเขาแล้ว แต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นที่ต้องอีกจากครอบครัวเก่าของเขาอีกต่อไปแล้ว

เขายังบอกอีกว่าฝูงหมาป่าไม่ได้เห็นเขาในฐานะเดิม ไม่ได้เห็นเขาเป็นพี่น้องเหมือนเก่าและพวกหมาป่า และพวกมันก็ไม่ได้พยายามจะเข้าหาเขาเลยตอนที่เขาพยายามจะกลับไปหาพวกมัน

เขากล่าวอธิบายว่า “พวกหมาป่าพวกนั้น หากผมส่งเสียงเรียกพวกเขาก็ยังจะออกมาหาผมอยู่ แต่ว่าพวกเขาไม่ยอมรับผมในฐานะฝูงอีกต่อไป เพราะผมมีกลิ่นที่เหมือนกับคน เพราะผมใช้น้ำหอม”

แต่ไม่ห่วงไป เพราะในตอนนี้ Marcos ก็สามารถหาที่ที่เขาจะทำอะไรดีๆ ได้แล้ว นั่นคือองค์กรการกุศล Amigos das Arbores ผู้ซึ่งจะจัดการคลาสเรียนในโรงเรียนเพื่อให้เขาสามารถใช้ความรักธรรมชาติของเขาไปพูด บรรยายให้แก่เด็กๆ ฟังได้นั่นเอง

 

 

ด้วยประสบการณ์อันล้ำค่าที่ได้อาศัยอยู่กับฝูงหมาป่า ทำให้เรื่องราวของ Marcos มีคนให้ความสนใจและกลายเป็นภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Among Wolves หากเพื่อนๆ สนใจเกี่ยวกับเขาก็ลองไปหามาชมกันนะครับ

 

ที่มา Unilad

Comments

Leave a Reply