9 อาหารเปิบพิสดารสุดอันตราย หาก ‘กินไม่ถูกวิธี’ ได้ไปเที่ยวโลกหน้าอย่างแน่นอน!!

โลกของเราช่างกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ทั้งเรื่องของธรรมชาติ และวัฒนธรรมในแต่ละที่ที่มีคนอาศัยอยู่

สำหรับวันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของ ‘การกิน’ แน่นอนว่าแต่ละประเทศทั่วโลกย่อมมีวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกัน จึงไม่แปลกเลยที่ว่าจะมีการเปิบพิสดารเมนูแปลกๆ มากมายให้เราได้เห็นกัน

และนี่คือ 9 อาหารที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของเรา ที่ทางเว็บไซต์ Brightside ได้รวบรวมมาให้เราได้อ่านกัน จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…

 

1. ปลาปักเป้า

 

การทำอาหารโดยใช้ปลาปักเป้าเป็นวัตถุดิบนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น แต่ทั้งนี้การแล่เนื้อของมันจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เชฟที่จะทำหน้าที่นี้ได้ต้องผ่านการเรียนมาไม่ต่ำว่า 3 ปีหรือมากกว่านั้นจนได้รับใบอนุญาตประกอบการชำแหละปลาชนิดนี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว

เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้พิษเตโตรโดท็อกซิน ไหลเปื้อนอวัยวะส่วนต่างๆ ได้ และหากมนุษย์ทานเข้าไปก็อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้เลย!!

 

2. สมองลิง

 

เป็นเมนูเปิบพิสดารที่นิยมทานกันในแถบเอเชียและแอฟริกัน แต่ปัจจุบันประเทศจีนได้ทำการสั่งแบนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยหากใครที่ฝ่าฝืนก็จะถูกสั่งจำคุกนานถึง 10 ปีเลยทีเดียว

การทานสมองลิงแบบดิบๆ ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรค โรคครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบ (Creutzfeldt-Jakob) เป็นโรคเสื่อมที่เกิดกับระบบประสาทส่วนกลาง และยังไม่มีหนทางรักษาแถมยังสามารถติดต่อได้

โรคดังกล่าวเกิดจากโปรตีนพรีออนเป็นตัวต้นเหตุ ซึ่งพบได้ในสมองของลิง หากทานเข้ามาในร่างกายของมนุษย์ก็จะมีความเสี่ยงที่จะรับมันเข้ามาโดยตรง ที่สำคัญคนที่ป่วยเป็นโรคนี้จากสถิติแล้ว 90% เสียชีวิตหลังจากที่ติดเชื้อ 1 ปี

 

3. เม็ดมะม่วงหิมพานต์

 

เม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นจะมีกรรมวิธีมากมายก่อนที่มันจะถูกนำมาเสิร์ฟบนจาน ซึ่งหากเราทำถูกต้องแล้วก็สามารถทานได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่อันตรายก็คือการทานแบบดิบๆ!!

ต้นมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชตระกูล Urushiot ซึ่งเป็นพืชที่มีลักษณะพิเศษ เมื่อมันถูกตัดหรือฉีกขาดจะมีน้ำสีดำๆ ไหลออกมา มันคือสารเคมีที่ออกฤทธิ์อันตรายสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรง หากรับประทานไปในปริมาณมากก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

 

4. Hákarl หรือ ฉลามเน่า

 

เมนูนี้เป็นอาหารขึ้นชื่อในประเทศไอซ์แลนด์ โดยการใช้เนื้อของฉลามกรีนแลนด์ที่มีสภาพเป็นพิษ เนื่องจากว่าตัวของฉลามชนิดนี้จะไม่มีอวัยวะเพื่อขับของเสียออกจากร่างกายอย่างไต และทางเดินปัสสาวะ ทำให้ร่างกายของมันซึมซับของเสียเอาไว้ทั้งหมด

เลยต้องมีวิธีในการเตรียมอย่างถูกต้อง ก็คือเอาไปฝังดิน 6 – 12 สัปดาห์ จากนั้นก็เอาขึ้นมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วผึ่งลมเอาไว้อีก 2 – 3 เดือน พิษจึงจะหมดไปจากเนื้อของมัน

 

5. บุหลันรมัย

 

เป็นอาหารที่นิยมทานกันในประเทศแถบเอเชียตะวันออก อย่างเช่น มาเลเซีย เป็นต้น แต่การทานแบบดิบๆ นั้นจะทำให้คุณได้รับสารพิษไฮโดรเจนไซยาไนต์ เข้าไปแบบเต็มๆ

ฉะนั้นต้องปรุงให้ถูกวิธีก็คือการแกะเปลือกออกแล้วเอาไปต้ม จากนั้นก็ห่อด้วยใบตองเป็นเวลา 40 วัน เพื่อทำให้พิษมันเจือจางลงไปให้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเจ้าลูกบุหลันรมัย ก็เป็นแหล่งวิตามินซี และธาตุเหล็ก ที่สูงมากๆ เลยล่ะ

 

6. Sannakji หรือหมึกเป็นๆ

 

อาหารชนิดนี้เป็นที่นิยมในประเทศเกาหลีใต้ โดยจะทำการทานหนวดหมึกแบบสดๆ ขณะที่มันยังดิ้นหนุบหนับๆ อยู่ หรือแม้แต่หมึกทั้งตัวเข้าไป แต่อย่าลืมว่าที่หนวดของหมึกเป็นๆ นั้นยังมีความสามารถในการยึดเกาะอยู่

นั่นทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่มันจะไปเกาะติดอยู่ระหว่างทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการเปิบหมึกสดๆ 6 คนต่อปี วิธีการหลีกเลี่ยงก็คือไม่กินซะ หรือไม่ก็อย่ากลืนลงไปในทันที ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยกลืนลงไป

 

7. หอยแครง

 

หอยแครงเป็นอาหารที่นิยมทานกันมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอาจริงๆ แล้วการทานหอยแครงนั้นมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อทางเดินอาหารเป็นอย่างมาก เพราะมันใช้ชีวิตอยู่ในสถานะที่มีออกซิเจนต่ำ

แถมมันยังกินไวรัสและแบคทีเรียเป็นอาหาร ประกอบไปด้วย Hepatitis A (ไวรัสตับอักเสบ A), Hepatitis E (ไวรัสตับอักเสบ E), ไทฟอยด์ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคท้องเสียอย่างรุนแรงได้ด้วย

จากการศึกษาพบว่าหอยแครงที่ลวกแบบไม่สุกจะมีโอกาสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อสูงมาก หากไม่อยากเสี่ยงก็ลวกให้สุกกันนะจ๊ะ

 

8. มันสำปะหลัง

 

พืชรากชนิดนี้เป็นที่นิยมกันทั่วโลก แต่จริงๆ แล้วถ้าเรานำไปปรุงให้สุกมันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากทานแบบดิบๆ แล้วล่ะก็คุณสามารถตายได้เลยล่ะ

เพราะมันสำปะหลังมีความสามารถในการสร้างสารพิษที่ชื่อว่าไซยาไนต์ขึ้นมาได้ หากทานเข้าไปแบบดิบๆ ก็เหมือนการฆ่าตัวตายเลยนะขอบอก!!

 

9. Elderberries

 

ดูเหมือนว่าจะเป็นผลไม้ที่น่าทาน แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายมากๆ ทั้งเมล็ด กิ่ง และใบ ของมันมีสารพิษที่ชื่อว่าไซยาไนต์เป็นส่วนประกอบ หากจะทานมันล่ะก็ต้องรอให้มันสุกเต็มที่เสียก่อน หรือไม่ก็นำมันมาปรุงให้ถูกวิธี ไม่เช่นนั้นอาจอันตรายถึงชีวิตได้นะเออ

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่ามันสามารถนำมาสกัดเพื่อเอาไปทำเป็นยาต้านไวรัสของไข้หวัดใหญ่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวล่ะ

 

ที่มา : brightside

Comments

Leave a Reply