เผื่อไว้นะ… เผยข้อมูล 12 ความจริงเกี่ยว “น้องจ้อน” ของคุณผู้ชาย ความไม่ลับแต่ยังไม่ทราบ

อวัยวะเพศชาย จ้อน จู๋ หรือองคชาติ และอีกหลายๆ คำเรียกนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องเกิดคำถามกันมานักต่อนัก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มันเป็นสิ่งสำคัญของผู้ชายอย่างยิ่งยวด นอกจากจะเป็นอวัยวะสำหรับใช้สืบพันธุ์แล้ว มันยังมีความสำคัญในด้านวัฒนธรรมอีกด้วย

วันนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องราวที่เฉพาะเจาะจงกับ “น้องจ้อน” ของผู้ชายกันดีกว่า เราจะได้ทำความรู้จักและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันเลยกับ 12 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับองคชาติที่คุณอาจไม่เคยรู้

 

1. องคชาติมีหน้าที่หลัก 2 ประการ

 

Michael Reitano แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศบอกไว้ว่า องคชาตินั้นมีหน้าที่หลักอยู่ 2 ประการด้วยกันคือ ประการแรก มีไว้ถ่ายของเสียในรูปแบบของปัสสาวะ ประการที่สอง ก็คือ เป็นท่อลำเลียงน้ำเชื้ออสุจิจากอัณฑะออกนอกร่างกาย เพื่อใช้สำหรับสืบพันธุ์และความสุขทางเพศ

 

2. องคชาติพัฒนาขึ้นมาจากอวัยวะที่มีลักษณะคล้ายคลิตอริสในเพศหญิง

 

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเริ่มต้นชีวิตด้วยเพศหญิงหรือเพศเมีย ก่อนที่จะมีกระบวนการผสมโครโมโซม ฉะนั้น อวัยวะเพศชายจึงไม่แปลกที่จะพัฒนาขึ้นมาด้วยโครงสร้างเดียวกับคลิตอริส

เมื่อสิ้นสุดกระบวนการผสมโครโมโซม โครโมโซม XX ก็จะทำให้เกิดเป็นเพศหญิงที่มีคลิตอริสและช่องคลอด ขณะที่โครโมโซม XY ก็จะพัฒนาขึ้นมาเป็นองคชาติและอัณฑะ

 

3. องคชาติประกอบด้วยท่อ 3 ท่อ

 

บางคนอาจะคิดว่าน้องชายมีเพียงท่อเดียวตรงๆ แต่ที่จริงแล้วภายในมันประกอบด้วยท่อตั้ง 3 ท่อ ท่อจำนวน 2 ท่อเป็น คอร์ปัส คาเวอร์โนซัม ที่เริ่มจากฐานองคชาติไปจนสุดที่ปลายองคชาติ ภายในจะเป็นท่อบรรจุเลือดสำหรับการแข็งตัวของไอ้จ้อน แต่อีก 1 ท่อที่เหลือเป็น คอร์ปัส สปอนจิโอซัม เป็นท่อลำเลียงปัสสาวะและน้ำอสุจิ

 

4. มนุษย์ดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีขนาดองคชาติใหญ่ที่สุดในอันดับวานร (สิ่งมีชีวิตจำพวกลิง)

 

กอริลลานั้นมีความยาวองคชาติอยู่ที่ 2 นิ้ว ส่วนลิงชิมแปนซีและลิงโบโนโบนั้นมีขนาดรอบวงที่เล็กกว่าแต่มีความยาวพอๆ กับความยาวเฉลี่ยขององคชาติมนุษย์ (ยาว 5.16 นิ้ว เส้นรอบวง 4.59 นิ้ว เมื่อแข็งตัว และยาว 3.61 นิ้ว เส้นรอบวง 3.66 นิ้ว เมื่อไม่แข็งตัว ) นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่านี่เป็นเรื่องของการคัดสรรทางธรรมชาติสำหรับการดึงดูดเพศตรงข้าม

 

5. องคชาติมนุษย์ครั้งหนึ่งอาจเคยมีหนาม!!?

 

ปัจจุบันองคชาติของคนเรานั้นถือว่าราบเรียบที่สุดในบรรดาสัตว์แล้ว แต่ Reitano กล่าวว่า “ในอดีตกาลนานมาแล้ว มีโอกาสที่องคชาติมนุษย์จะเคยมีหนามแหลมงอกออกมา เหมือนบรรพบุรษวานรของพวกเรา เพื่อป้องกันการผิดลูกเมีย”

องคชาติของลิงชิมแปนซีนั้นยังมีหนามเล็กๆ งอกออกมาอยู่ เพื่อ “ยึดตัวเมียให้มั่นคงขณะร่วมเพศ และเมื่อเอาหนามออก ฝ่ายเพศเมียจะเจ็บบริเวณช่องคลอดและทำให้ไม่สามารถไปผสมพันธุ์กับตัวอื่นได้อีก” Reitano กล่าวเสริม

 

6. ในศตวรรษที่ 15 เหล่าผู้ชายพากันกลัวว่า แม่มดจะมาลักพาตัวน้องชายของพวกเขาไป

 

ในศตวรรษที่ 15 มีความเชื่อมากมายเกิดขึ้นเกี่ยวกับแม่มด รวมไปถึงเรื่องของการสูญเสียองคชาติไปด้วย ในตำราที่เขียนขึ้นโดย Heinrich Kramer และ Jacob Sprenger เขียนไว้ว่า “แม่มดสามารถขโมยเอาอวัยวะเพศชายไปได้ ไม่ได้แย่งชิงเอาไปจากร่างกาย แต่เป็นการซุกซ่อนเอาไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวน”

 

7. การแข็งตัวขององคชาติมันซับซ้อนกว่าที่เราคิด

 

Reitano กล่าวว่า “เริ่มแรก จะต้องมีการหลั่งฮอร์โมน หลอดเลือดแดงจะลำเลียงเลือดสู่องคชาติถึง 6 ครั้งเพื่อความมีประสิทธิภาพ ระบบประสาทจะต้องส่งสัญญาณโดยไม่มีการกีดขวางใดๆ จิตและกายจะต้องทำงานประสานกันอย่างสมบูรณ์”

ส่วนการรักษาสภาพการแข็งตัวเอาไว้ มันขึ้นอยู่กับ “การถูกกระตุ้นเราทางกาย ทางจิต และทางอารมณ์ที่สมบูรณ์แบบ” เขากล่าวเพิ่ม

 

8. มนุษย์ไม่มีกระดูกในองคชาติเหมือนสัตว์ชนิดอื่นๆ

 

นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะกล่าวว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด รวมไปถึงกอริลลาและชิมแปนซี นั้นมีกระดูกในองคชาติที่เรียกว่า “Baculum” 

ตัวอย่างเช่นปลาวาฬที่มีกระดูกองคชาติอยู่ในท้อง พอถึงเวลาผสมพันธุ์ กระดูกนั้นก็จะเลื่อนออกมาเพื่อช่วยให้องคชาติคงความแข็งตัวเอาไว้ได้ แต่ต่างจากมนุษย์ที่พึ่งพาเพียงกระแสเลือดเท่านั้น

 

9. แต่หารู้ไม่ว่า แม้องคชาติจะไม่มีกระดูก มันก็สามารถ “หัก” ได้นะ

 

Reitano กล่าวว่า ถึงจะเกิดไม่บ่อยแต่ก็เป็นไปได้ที่องคชาติจะหัก หากส่วนปลอกที่เรียกว่า Tunica Albuginea ซึ่งเป็นส่วนเสริมความแข็งแกร่งให้องคชาติที่แข็งตัวนั้น เกิดการบาดเจ็บจากการหักงออย่างรุนแรง

“เมื่อเกิดการหัก มันจะมีเสียงดังที่สามารถได้ยินได้ชัดเจน คุณจะรู้สึกเจ็บมาก และทำให้องคชาติอ่อนตัวลงอย่างฉับพลัน” Reitano กล่าว

 

10. ความกลัวการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง จะนำไปสู่การขลิบปลายองชาติ

 

ปกติแล้ว ส่วนหัวขององคชาติจะอยู่ภายใต้หนังหุ้มที่สามารถเปิดออกได้ แต่การขลิบนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากการที่คนสมัยโบราณคำนึงถึงความสกปรกที่จะสะสมอยู่ภายในปลายองคชาติ

แต่หลังจากนั้น ช่วงศตวรรษที่ 19 ได้เกิดความกลัวการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เพราะคิดว่ามันจะนำไปสู่วัณโรค ความจำเสื่อม และโรคลมบ้าหมู ฉะนั้น พวกเขาจึงเชื่อว่า วิธีป้องไม่ให้ตนเองสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองก็คือการ “ขลิบ” ปลายองคชาติออก

 

11. วัยผู้ใหญ่ก็เข้ารับการขลิบปลายองคชาติเหมือนกัน

 

โดยปกติแล้ว การขลิบปลายองคชาตินั้นจะทำเมื่อยังเป็นเด็กทารก แต่ในวัฒนธรรมของบางแห่งอาจจะทำกับวัยรุ่น แต่ก็ยังมีวัยผู้ใหญ่เข้ารับการขลิบปลายองคชาติด้วย เนื่องจากหลายๆ เหตุผล เช่น การที่หนังหุ้มปลายนั้นไม่กว้างพอให้เปิดหัวองคชาติได้

 

12. ในประเทศไอซ์แลนด์มีพิพิธภัณฑ์องคชาติ

 

ในปี 1974 ครูสอนประวัติศาสตร์ชาวไอซ์แลนด์นามว่า Sigurður Hjartarson ได้รับแส้สำหรับต้อนสัตว์ที่ทำมาจากองคชาติของกระทิง เขาจึงเกิดไอเดียในการสะสมองคชาตินานาชนิด

และนั่นจึงเกิดเป็น Icelandic Phallological Museum พิพิธภัณฑ์ที่รวมไว้ซึ่งองคชาติ 238 แบบ โดยชิ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะเป็น องคชาติของวาฬสเปิร์ม ที่มีความยาวราว 1.8 เมตร

 

เป็นไงบ้างครับ บางข้อนั้นก็ถือว่าเป็นความรู้สำคัญเลย แต่บางข้อก็เป็นเกร็ดความรู้ที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายล่ะเนอะ

ที่มา: Mentalfloss

Comments

Leave a Reply