นี่คือ “ต้นไม้ที่เหงาที่สุดในโลก” พร้อมทั้งเรื่องเล่าของมันที่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

อ้างอิงจากบันทึกกินเนสบุ๊ก ต้น Sitka Spruce ที่เติบโตบนเกาะทางใต้สุดของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นต้นไม้ที่โดดเดี่ยวและห่างไกลที่สุดในโลก นอกจากมันจะเป็นต้นไม้ต้นเดียวบนเกาะ Campbell แล้ว ต้นไม้พบเจอใกล้ที่สุดรอบๆ ต้นไม้ต้นนี้อยู่ห่างออกไปถึง 200 กิโลเมตร บนเกาะ Auckland

เจ้าต้นไม้ต้นนี้ถูกพบอยู่ทางตอนใต้ ห่างจากเมือง Bluff ประมาณ 700 กิโลเมตรบนเกาะ Campbell ซึ่งเป็นเกาะที่มีสภาวะอากาศที่เลวร้ายมากเกาะหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากมีลมแรง ได้รับแสงอาทิตย์ไม่ถึง 600 ชั่วโมงและมีวันที่ฝนไม่ตกถึง 40 วันตลอดทั้งปี ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัย จึงทำให้บริเวณนี้ถูกปล่อยให้รกร้างมีแต่พุ่มไม้และกอหญ้าขึ้นอยู่

 

 

มีความเชื่อว่าต้น Sitka Spruce ที่เจริญเติบโตขึ้นมาบนเกาะ Campbell แห่งนี้ถูกปลูกโดย Lord Ranfurly อดีตผู้ว่าของประเทศนิวซีแลนด์ระหว่างปี 1901-1907 เพื่อให้ปกคลุมเป็นป่า แต่ด้วยสภาพอากาศอันเลวร้าย จึงทำให้มีเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่เหลือรอดมาได้

นอกจากจะมีชื่อเสียงว่าเป็นต้นไม้ที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกแล้วมันยังมีลักษณะพิเศษอย่างอื่นอีกด้วย นั่นก็คือรูปร่างของมันที่ดูเหมือนกับดอกกะหล่ำยักษ์มากกว่าเป็นต้นไม้ เนื่องจากมีความเชื่อว่าเกิดจากการโดนตัดที่ลำต้นในทุกๆ ปีตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

 

 

ในช่วงก่อนปี 1958 พนักงานของสถานีอุตุวิทยาของเกาะ Campbell จะตัดบริเวณยอดของต้น Sitka Spruce เพื่อนำมาเป็นต้นคริสต์มาสทุกๆ ปี แต่ต้น Sitka Spruce ก็สามารถอยู่รอดมาได้จากการโดนตัดตลอดทุกปีและปรับตัวเปลี่ยนแปลงรูปร่างมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจ้าต้นไม้ที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกนี้ก็คือ ถึงแม้ว่ามันจะมีอายุมากกว่า 100 ปี แต่มันก็ไม่เคยผลิตลูกสนออกมาเลย ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถยืนยันได้ว่ามันยังอยู่ในสภาวะต้นที่ยังเติบโตไม่เต็มที่อย่างถาวร

 

 

จากการตรวจสอบหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีจากตัวอย่างแกนของต้น Sitka Spruce ที่ได้มานั้นทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยสามารถยืนยันได้ว่าโลกของเราได้เข้าสู่ยุคใหม่ทางธรณีวิทยาแล้ว

 

คลิปวิดีโอการนำตัวอย่างใจกลางต้นไม้ออกมาตรวจสอบโดยไม่ทำอันตรายให้กับต้นไม้

 

ต้นไม้ต้นนี้ก็แสดงให้เราได้รู้ว่า ความเหงาไม่เคยฆ่าใครจริงๆ

ที่มา Odditycentral

Comments

Leave a Reply