พรานหนุ่มไปล่าสัตว์แต่โดนจิงโจ้ ‘เฮดบัต’ จนกรามร้าว เล่นกับใครไม่เล่นซะแล้วไอ้นี่!!

ด้วยความที่จิงโจ้เป็นสัตว์ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศออสเตรเลีย ทำให้บ่อยครั้งที่พวกมันมักจะถูกล่าเป็นอาหาร แต่ว่ามีอยู่เหตุกาณณ์หนึ่งที่มันไม่ยอมตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่อไป แถมยังทำสิ่งตรงกันข้ามนั่นก็โจมตีนายพรานคนหนึ่งที่ไปล่าพวกของมันด้วยการ ‘เฮดบัต’ จนกรามของนายพรานคนนั้นร้าวเลยทีเดียว

โดยเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อหนุ่มนามว่า Joshua Hayden ได้ออกไปเดินทางล่าสัตว์กับพี่น้องของเขาที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย

 

เจอกันได้นะเจ้ามนุษย์

 

หนุ่มวัย 19 ปีคนนี้เล่าให้ฟังว่า ในตอนแรกเขาได้สังเกตเห็นกลุ่มจิงโจ้ที่อยู่ด้วยกัน 3 ตัว แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้มีจิงโจ้ตัวหนึ่งได้อันตรธานหายไปจากสายตาของเขาอย่างไร้ร่องรอย แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่ามันคงหนีเข้าป่าไปยังทิศทางอื่น

ต่อมาเมื่อ Joshua เห็นว่ายังมีจิงโจ้เหลืออีกตั้ง 2 ตัวรอให้เอาไปเป็นอาหาร เขาจึงเบี่ยงตัวออกนอกหน้าต่างรถเพื่อหวังจะยิงจิงโจ้สองตัวนั้นให้แน่นิ่งให้จงได้ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้พบกับจิงโจ้ตัวที่หายไปอีกครั้ง และคราวนี้เห็นเต็มสองตาเลย เพราะว่ามันพุ่งเข้าใส่รถของพวกเขา แม้ว่ากำลังจะวิ่งอยู่ก็ตาม

 

โดนซะหนักเลยนะคุณพี่

 

“มันพุ่งเข้าชนที่ด้านข้างรถของพวกเรา จากนั้นมันก็ทุบกระจกหน้าของรถเราจนแตก แล้วมันก็เด้งกลับมาโจมตีผมด้วยการเฮดบัตเข้าเต็มๆ กรามเลย”

“ตอนนั้นผมสลบไปประมาณ 30 วินาที พอผมตื่นขึ้นมาพี่น้องของผมก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง” Joshua กล่าว

เมื่อเห็นการโจมตีดังกล่าวได้ทำร้าย Joshua จนสลบ พวกพี่น้องจึงพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล Kellerberrin Memorial จากนั้นเขาก็ถูกส่งตรงไปที่แผนกฉุกเฉินเป็นการด่วนเลย

 

โดนซะแล้วล่ะ ตูมใหญ่เลยด้วย

 

เมื่อทีมแพทย์เข้าทำการตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขา จึงพบว่าใบหน้าของเขาไม่สามารถทำการผ่าตัดได้เพราะว่ามีใบหน้าที่บวมเกินไปสำหรับการผ่าตัด และต้องรอเวลาให้มันยุบถึง 10 วันเลยทีเดียว

ซึ่งจากคำบอกเล่าของ Joshua ได้บอกเอาไว้ว่า ปกติแล้วเขากับพวกพี่น้องมักจะออกล่าจิงโจ้เพื่อนำมาเป็นอาหารอยู่แล้ว และโดยปกติมันก็มักจะไม่ตอบโต้ด้วยการสู้กลับเหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

 

สงสัยมันจะโกรธแทนพี่น้องที่โดนล่าละมั้ง..

 

ที่มา: unilad

Comments

Leave a Reply