ปธน. ฟิลิปปินส์ฉะหนัก แนะทหารให้ยิง “จิมมี่” ของกลุ่มผู้ต่อต้าน แค่ไม่มีก็ไร้ค่าแล้ว

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Daily Mail รายงานว่าประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ได้บอกกับทหารให้เล็งตรงจุดลับของผู้หญิงฝ่ายกบฏแทนการฆ่า เพราะพวกเธอจะไม่มีค่าอะไรเลยถ้าหากไม่มีอวัยวะดังกล่าว

คำกล่าวของประธานาธิบดีคนดังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทางองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง Human Rights Watch ก็ได้ออกมาประณามพร้อมกับบอกว่าคำพูดดังกล่าวคือการเหยียดเพศอย่างรุนแรง

 

 

“บอกพวกทหารว่า นี่คือคำสั่งที่มาจากประธานาธิบดี เราจะไม่ฆ่าคุณ เราแค่จะยิงที่อวัยวะเพศของคุณเท่านั้น เพราะแค่ไม่มีอวัยวะเพศคุณก็เหมือนคนไร้ค่าแล้ว” สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต จากการรายงานของสื่อท้องถิ่น

จากรายงานระบุว่าสุนทรพจน์ดังกล่าว นั้นมีความหมายถึงฝ่ายกบฏหญิงในประเทศ Carlos Conde ตัวแทนจาก Human Rights Watch กล่าวว่า

“มันส่งเสริมให้กองกำลังของรัฐกระทำการที่ล่วงละเมิดทางเพศในระหว่างการปะทะกับกลุ่มกบฏ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ”

 

 

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำประเทศฟิลิปปินส์รายนี้ได้ทำให้คำพูดของเขากลายเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2017 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต ได้ออกมากล่าวว่าตัวเขาเองพร้อมจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าทหารหรือเจ้าหน้าที่จะข่มขืนผู้หญิงเองก็ตาม

“สำหรับการประกาศกฎอัยการศึกและผลกระทบจากกฎอัยการศึกนั้น ผมจะขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว ขอให้พวกคุณทำงานของตัวเอง และผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง ถ้าหากถ้าคุณข่มขืน (ผู้หญิง) 3 คน ผมคนเดียวเท่านั้นที่จะยอมรับว่าผมทำเอง”  

ประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เตกล่าวระหว่างการให้กำลังใจทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของฟิลิปปินส์ที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้าย

 

 

นอกจากนี้ในปี 2016 ยังมีกรณีที่เขาออกมาพูดติดตลกเกี่ยวกับกรณีของสาวชาวออสเตรเลียที่ถูกฆ่าข่มขืนในฟิลิปปินส์เมื่อปี 1989 อีกด้วย ซึ่งครั้งนั้นประธานาธิบดีผู้นี้กล่าวว่า

“เมื่อพวกเขานำเธอออกมาจากที่ห่อศพ ผมเห็นหน้าเธอถึงกับตะลึงในความสวยเลยทีเดียว นี่มันนักแสดงหญิงชาวอเมริกันชัดๆ สิ่งแรกที่ออกมาจากหัวผมตอนนั้นก็คือผมรู้สึกโกรธมากที่พวกเขาข่มขืนเธอ แต่อย่างหนึ่งก็คือเธอสวยมากๆ และผมควรที่จะเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสเธอ”

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นผู้นำของฟิลิปปินส์ก็ได้ออกมาขอโทษต่อกรณีดังกล่าว พร้อมกับบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะดูหมิ่นผู้เสียหายแต่อย่างใด

 

ที่มา dailymailbuzzfeed

Comments

Leave a Reply