ตำรวจวาดภาพสเก็ตช์คนร้าย จนนำไปสู่การจับตัวได้ในที่สุด…เฮ้ย เอาจริงดิ!?

เป็นวิธีการที่ใช้กันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สำหรับวิธีการหาตัวผู้ต้องสงสัยโดยการ “สเก็ตช์ภาพ” เวลาที่เราเห็นในหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ภาพสเก็ตช์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นช่างดูสวยอย่างกับเป็นจิตรกรเก่ากันเลยทีเดียว ที่เป็นแบบนั้นก็เพื่อวาดให้เหมือนกับใบหน้าของคนร้ายที่สุด ซึ่งจะทำให้ง่ายในการตามหาตัว

และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผู้ต้องสงสัยถูกพบตัวในแลงคาสเตอร์ ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ด้วยการสเก็ตช์หน้าคนร้ายจากพยานผู้พบเห็น ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวคือนาย Hung Phuoc Nguyen วัย 44 ปี ซึ่งถูกตั้ง 2 ข้อหาในกรณีการลักทรัพย์

 

 

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจของแลงคาสเตอร์กล่าวว่า “ภาพที่พยานได้สเก็ตช์ขึ้น ถึงแม้จะเป็นภาพการ์ตูนที่ดูไม่ค่อยสวยงาม แต่ด้วยความที่ลักษณะองค์ประกอบของใบหน้าสามารถอธิบายถึงหน้าตาของผู้ต้องสงสัยได้ดี จึงทำให้เจ้าหน้าที่นึกถึงชื่อของผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งออก”

 

 

Nguyen ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากปลอมตัวเป็นพ่อค้าและเข้าไปขโมยเงินที่แผงขายของใน Central Market ในเมืองแลงคาสเตอร์ ขณะที่พนักงานขายไม่อยู่

ในวันที่ 30 มกราคม 2018 พยายานคนดังกล่าวนอกจากจะสเก็ตช์ภาพคนร้ายให้แล้วยังอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ต้องสงสัยอีกด้วย ว่าเป็นชายวัยราว 30-40 ปี สูงราว 160 เซนติเมตร รูปร่างค่อนข้างผอมและน่าจะมาจากอเมริกาใต้หรือไม่ก็เอเชีย

 

 

จากนั้นเขายังอธิบายด้วยว่า “ผู้ร้ายมีผมตรงสีดำปกคลุมใบหู มีโหนกแก้มกว้าง และคางค่อนข้างแหลม”

เจ้าหน้าที่ตำรวจของแลงคาสเตอร์ได้เผยแพร่ภาพสเก็ตช์ดังกล่าวพร้อมคำอธิบายรูปพรรณจากพยานออกสู่สาธารณะด้วยความหวังที่ว่าจะมีผู้พบเห็นผู้ต้องสงสัย

 

 

ผู้คนส่วนใหญ่ติดว่าภาพสเก็ตช์นี้เป็นการล้อเล่น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง “พวกเราปล่อยภาพและข้อมูลต่างๆ ออกไปสูสาธารณะเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องล้อเล่น”

สรุปแล้วข้อมูลต่างๆ ก็ได้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัว Nguyen ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยได้ เพราะมีภาพใบหน้าของเขาเก็บไว้ในคลังอยู่แล้ว

เมื่อนำภาพใบหน้าให้พยานขั้นต้นช่วยยืนยัน พยานก็ระบุว่า Nguyen เป็นผู้ต้องสงสัย ทางตำรวจจึงออกหมายจับกุม Nguyen ในฐานะผู้ต้องสัย แต่สำหรับข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นยังไม่เปิดเผยให้ทราบ

 

ที่มา: Dailymail

Comments

Leave a Reply