ไม่น่าเชื่อ!? อัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น “ลดลง” แต่วัยรุ่นกลับฆ่าตัวตายกันเพิ่มขึ้น

จากผลการวิจัยในสมัยก่อน บอกให้เราได้ทราบกันว่าคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยในปี 1960 นั้นทุกๆ 100,000 คนในญี่ปุ่น จะมีคนฆ่าตัวตายมากถึง 25 คนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในช่วง 8 ปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนว่าตัวเลขเหล่านั้นจะลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องทุกปี

 

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยว่า ในปี 2017 มีคนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายที่ได้รับการรายงานในญี่ปุ่นเพียง 21,140 คน ลดลงนับเป็น 3.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานตำรวจยังกล่าวอีกว่าตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นมีการเก็บข้อมูลการฆ่าตัวตายมา ปีนี้เป็นปีที่มีเลขการฆ่าตัวตายน้อยที่สุด ด้วยตัวเลขเพียง 16.7 คน ในทุกๆ 100,000 คน (ข้อมูลอย่างละเอียดเริ่มเก็บเมื่อปี 1978)

อย่างไรก็ตามตัวเลข 16.7 นั้นก็ยังถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอยู่ดี (ประเทศไทยอยู่ที่ 6 คนต่อประชาชน 100,000 คนในปี 2015) โดยที่การฆ่าตัวตายในผู้ชายนั้นยังคงมีมากกว่าผู้หญิงถึงสองเท่าไม่ต่างจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีผู้ชายฆ่าตัวตายเป็นจำนวนกว่า 14,600 คนต่อผู้หญิงที่ประมาณ 6400 คน

 

 

เรื่องที่ไม่น่าเชื่อคือ ภายในตัวเลขที่ลดลงนั้นจำนวนวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่การฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าเศร้า (ญี่ปุ่นนับว่าความเป็นผู้เยาว์จะสิ้นสุดลงเมื่ออายุ 20 ปี) ในปี 2017 มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีจบชีวิตตัวเองไปถึง 516 คน มากเป็น 6 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักเชื่อว่ามาจากความเครียดนั่นเอง

ตอนนี้เราก็คงได้แต่หวังว่าทางภาครัฐของญี่ปุ่นจะสามารถลดจำนานตัวเลขที่ว่านี้ลงไปได้อีกในปีต่อๆ ไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเราทำได้นั้น ก็คือช่วยกันสอดส่องดูแลผู้ที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตายนั่นเอง

 

 

ที่มา rocketnews24

Comments

Leave a Reply