วิลล่าสุดหรูมูลค่า 700 ล้านแห่งดูไบ เคลมสรรพคุณต่อให้น้ำท่วมโลกยังไง ก็ยังลอยอยู่ได้ชิลๆ

ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เป็นภัยคุกคามต่อประเทศที่อยู่ติดชายฝั่งทั่วโลก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เองก็เป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้นเช่นกัน

จาก การศึกษาข้อมูลในปี 2017 ของ Emirates Wildlife Society ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลสิ่งแวดล้อมในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ World Wildlife Fund องค์กรทุนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก พบว่าในปี 2100 ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นถึง 3 ฟุต (ประมาณ 0.9 เมตร)

 

 

ซึ่งน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น 3 ฟุตนี้จะทำให้พื้นดินบางส่วนจมน้ำและไม่สามารถอยู่อาศัยได้ โดยพื้นที่นั้นคิดเป็น 8.1 เปอร์เซ็นต์ของรัฐ Ajman, 1.2 เปอร์เซ็นต์ของรัฐ Sharjah และ 5.9 เปอร์เซ็นต์ของรัฐ Umm Al-Quwain

ดังนั้น Waterstudio บริษัทสถาปัตยกรรมสัญชาติเนเธอร์แลนด์ จึงสร้างบ้านรูปแบบใหม่ที่ลอยไปตามระดับน้ำทะเลได้ และรับรองว่าไม่จมน้ำแน่นอน เพื่อมารับมือกับปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ชื่อของโครงการหมู่บ้านนี้ก็คือ Amillarah

Waterstudio วางแผนโครงการนี้ไว้ว่าจะสร้างบ้านพักต่างอากาศส่วนตัวทั้งหมด 33 หลังบนเกาะเทียม โดยบ้านเหล่านี้จะตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งดูไบ และจะเริ่มสร้างบ้านพักตากอากาศหลังแรกตอนสิ้นเดือนมกราคมนี้ และยังไม่มีกำหนดการเสร็จสิ้น

 

ในโครงการนี้ Waterstudio ได้รับความร่วมมือจาก Jean-Michel Cousteau นักภูมิศาสตร์ทางทะเลชาวฝรั่งเศส

 

บนเกาะเทียมเหล่านี้ ไม่ได้มีแต่บ้านเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่นอกบ้าน สระว่ายน้ำ และสวนอยู่ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ราคาของบ้านแต่ละหลังก็แพงหูฉี่เลย โดยมีราคาตั้งแต่ 23 ถึง 27.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 740 ถึง 880 ล้านบาท)

 

เกาะแต่ละแห่งมีขนาดที่แตกต่างกัน เริ่มต้นที่ 150,000 ตร.ฟุตไปจนถึง 450,000 ตร.ฟุต

 

หากจะเข้าไปที่เกาะแต่ละแห่งนั้น ต้องเดินทางโดยเรือหรือไม่ก็เครื่องบินทะเลเท่านั้น

 

Koen Olthuis ผู้ก่อตั้ง Waterstuio บอกว่าตัวฐานของเกาะเทียมเหล่านี้ ใช้คอนกรีตเป็นวัสดุในการสร้าง และคาดว่าเกาะเทียมจะลอยอยู่ได้ถึง 100 ปีเลยนะ

 

Waterstudio เคยสร้างเกาะเทียมลอยน้ำแบบนี้มาแล้ว อย่างเมื่อปี 2008 ก็ได้สร้างเกาะลอยน้ำขึ้นในบริเวณกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

 

นอกจากนี้ Waterstudio ยังสร้างบ้านพักตากอากาศสุดหรูในโครงการใหญ่อย่าง The World ไว้ด้วย โดยโครงการนี้มีพื้นที่ 24 ตร.ไมล์ (ประมาณ 62 ตร.กม.) และมีเกาะเทียมอยู่กว่า 300 แห่ง

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2009 โครงการ The World ก็สร้างหนี้สินให้กับบริษัทมากถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว (ประมาณ 8 แสนล้านบาท)

 

ถึงกระนั้นก็ตาม Olthuis ก็ยังยืนยันว่า “ใน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า พวกเราจะได้เห็นชุมชนบนผิวน้ำเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน … และเมืองต่างๆ ก็จะมองเห็นว่าผิวน้ำเป็นพื้นที่ที่มีค่าเหมือนกับเรา”

.

ตัวโครงการก็น่าอยู่ดีนะครับ แต่ราคาแบบนี้ อาจต้องย้ายไปอยู่บนเขาแทน

 

ที่มา: businessinsider

Comments

Leave a Reply