แบนเถอะว๊อย!! เชฟดัง Jamie Oliver เรียกร้องห้ามจำหน่าย “เครื่องดื่มชูกำลัง” ให้แก่เด็กๆ

Jamie Oliver คือเชฟชื่อดังที่ไม่ได้มีความสามารถแค่ในการทำอาหาร แต่เขายังเป็นผู้นำหลักที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนามื้ออาหารสำหรับเด็กนักเรียนในประเทศอังกฤษ และในครั้งนี้เองเขาก็ได้นำเสนออีกหนึ่งแนวคิดที่สำคัญสำหรับอาหารการกินของเด็กๆ ในปัจจุบัน

Jamie ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการ “ห้ามขายเครื่องดื่มชูกำลังให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี” เพราะเขาพบว่าการที่เด็กดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้เข้าไปจะส่งผลเสียให้กับผลการเรียนของพวกเขา

 

Jamie Oliver เชฟชื่อดังผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในหลายๆ โครงการที่เกี่ยวกับอาหาร

 

พวกเราหลายๆ คนอาจเคยชินกับการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเวลาที่ต้องทำงานในตอนเช้า หรือบางคนก็อาจนำไปผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่สำหรับเด็กแล้วอาจไม่เป็นอย่างนั้น เพราะลองคิดกันดูว่าแม้แต่บริษัทผู้ผลิตเอง ยังย้ำให้เราฟังเสมอว่า “เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม” ดังนั้นเราก็ไม่ควรขายให้เด็กไม่ใช่หรอ?

แม้เราจะรู้ว่าเด็กไม่ควรจะดื่มอะไรแบบนี้ หรือแม้ว่าฉลากข้างขวดจะบอกเอาไว้ชัดเจนมากขนาดไหน แต่พวกเราก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ ขายให้เหมือนเป็นเรื่องปกติอยู่ดี

และจากการที่เราปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด จึงทำให้มีสถิติการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังของเด็กอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง จากการศึกษาของ หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารในยุโรป พบว่า กว่า 69 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีอีก 24 เปอร์เซ็นต์

 

 

จากจำนวนที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง จึงทำให้หลายๆ ที่ตระหนักถึงปัญหาและลงมือแก้ไข อย่างเช่นห้างสรรพสินค้า Waitrose ที่ไม่ขายเครื่องดื่มชูกำลังให้กับวัยรุ่น หรือแม้แต่สหภาพครู NASUWT ก็ยังออกมาเรียกร้องเช่นเดียวกันกับเชฟชื่อดังคนนี้

Kevin Courtney เลขาธิการสหพันธ์การศึกษาแห่งชาติ (National Education Union) ก็ได้ออกมาบอกว่า “โรงเรียนสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่พวกเขาออกจากรั้วไปแล้ว”

เขาพูดอีกว่า “เมื่อเป็นอย่างนั้น หากรัฐบาลต้องการที่จะปกป้องตัวเด็กจริงๆ ก็ควรที่จะมุ่งสนใจในเรื่องของสุขภาพของเด็กมากกว่าที่จะสนใจในเรื่องของผลกำไรของบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง และสั่งห้ามขายสินค้าชนิดนี้ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี”

 

 

จากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ในอนาคต เพราะคงไม่มีใครอยากจะทำร้ายเด็กที่เป็นอนาคตของชาติเราหรอกนะ จริงมั้ย?

 

ที่มา: ladbible

Comments

Leave a Reply