เครื่องบิน NASA เก็บภาพของขั้วโลกใต้กลับมา เผยให้เห็นสภาพของแนวน้ำแข็งในปัจจุบัน

ด้วยสภาพอากาศในโลกเราที่เปลี่ยนไปทุกวัน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับสภาวะโลกร้อน ได้ทำให้ภูเขาน้ำแข็งในทวีปต่างๆ นั้นละลายเร็วขึ้นอย่างมาก และหากอยากรู้ว่าในตอนนี้ ขั้วโลกใต้ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีภูเขาน้ำแข็งมากที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้เป็นอย่างไร ลองไปติดตามภารกิจของทางนาซ่า ภารกิจนี้กันดูดีกว่า

ทุกๆ ปี นาซ่าจะมีภารกิจที่ชื่อว่า Icebridge ที่ทำการสำรวจธารน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้อย่างละเอียด เพื่อให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของภูเขาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งในบริเวณดังกล่าว ซึ่งในปีนี้ภารกิจดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

 

 

สาเหตุที่พวกเขาต้องนำเครื่องบินแบบพิเศษมาสำรวจทุกปีนั่นก็เพราะว่า ดาวเทียมและเครื่องบินธรรมดาไม่สามารถตรวจสอบ ธารน้ำแข็ง แผ่นน้ำแข็ง และทะเลน้ำแข็ง ที่อยู่ในพื้นที่นี้ได้อย่างละเอียดนั่นเอง

โครงการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2009 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเก็บรายละเอียดของพื้นแผ่นน้ำแข็งและทะเลน้ำแข็ง เพื่อนำไปใช้สำหรับการวางแผนรับมือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

 

 

นักวิจัยได้ใช้เครื่องบินที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยติดตั้งระบบเรดาร์และเลเซอร์วัดระดับความสูง รวมทั้งเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถตรวจสอบน้ำแข็งและหินใต้ดินได้อย่างละเอียด

โดยการสำรวจดังกล่าวสามารถทำได้ในช่วงฤดูร้อนเป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ออกเดินทางจากขั้วโลกใต้เพื่อสำรวจเกาะกรีนแลนด์ในขั้วโลกเหนือในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะบินกลับมาที่ขั่วโลกใต้ในช่วงวันฮาโลวีน

 

 

สำหรับภารกิจ Iceberg ในปีนี้ได้นำเครื่องบินสองลำสำรวจบริเวณขั้วโลกใต้ โดยพวกเขาได้เก็บรายละเอียดที่สำคัญๆ ของธารน้ำแข็งที่เปราะบางที่สุดในโลกในฝั่งตะวันตก และภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ชื่อว่า Larsen C

 

และจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ธารน้ำแข็งที่ได้ไปสำรวจมา มีภาวะความเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นของโลก และมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้กำลังถกเถียงกันอยู่ได้บอกว่าธารน้ำแข็งเหล่านี้จะพังทลายลงมาในช่วงอายุขัยของเรา ซึ่งมันจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 3 เมตรเลยทีเดียว

 

 

ภาพเหล่านี้เป็นข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์สำหรับนักวิทยาศาสตร์ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงของโลก แต่สำหรับคนทั่วๆ ไปแล้วภาพเหล่านี้อาจเป็นภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตเลยก็ได้

 

เห็นอย่างนี้แล้วก็ช่วยลดภาวะโลกร้อนกันเถอะนะ

ที่มา: earther

Comments

Leave a Reply