ชีวิตของหญิงสาวต้องพังทลาย เพราะรอยสักรูป ‘ตรีนสุนัข’ ที่เธอรัก เซ็งเป็ดเลย…

รอยสักของหลายๆ คนอาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่ตัวเองรักเหมือนกับเธอคนนี้ ที่ได้ตัดสินใจสักรูปรอยเท้าน้องหมาสุดที่รักเอาไว้บนหน้าอก จนเมื่อเวลาผ่านไปทำให้เธอรู้ว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์เลยจริงๆ

Adele Smith หญิงสาววัย 28 ปี เลี้ยงน้องหมาพันธ์ุนิวฟาวด์แลนด์ วัย 8 ขวบที่ชื่อว่า Max มาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความรักที่เธอมีให้กับมันจึงสักรูปรอยเท้าน้องหมาตัวนี้เอาไว้บนหน้าอกของเธอ เพื่อให้ตัวเองและทุกคนได้เห็นและคิดถึงมันไปพร้อมๆ กัน

 

Adele ผู้ตัดสินใจสักรูปรอยเท้าหมาลงไปบนหน้าอกของตัวเอง

 

รอยสักนี้มีขึ้นมาตั้งแต่ปี 2007 หรือในตอนที่เธออายุได้ประมาณ 18 ปี ในเวลาต่อมาเธอได้เข้าเรียนมหาลัยในเมืองพอร์ตสมัท ประเทศอังกฤษ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ปราศจากความสุขของสาวน้อย

เธอบอกว่า “ทุกคนในมหาลัยต่างสนใจและพูดถึงรอยสักนี้ ฉันกลายเป็นน้องใหม่ที่หลายๆ คนรู้จัก ทำให้ฉันชอบแต่งตัวโชว์รอยสักของตัวเองให้หลายๆ คนเห็น เพราะมันคือสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงตัวเองและสิ่งที่ฉันรัก”

 

Max น้องหมาสุดที่รักของเธอ

 

แต่หลังจากนั้นหลายอย่างก็เริ่มแย่ลง คนอื่นๆ เริ่มแสดงความคิดเห็นในด้านลบใส่หญิงสาวและเรียกเธอว่า “ยัยนมเท้าหมา” เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนสนใจแค่หน้าอกของเธอ ไม่มีใครสนใจตัวเธอจริงๆ เลย

จากที่เคยชอบรอยสักดังกล่าว ตอนนี้ Adele กลับรู้สึกอยากหายตัวไปทุกครั้งที่มีคนทักเจ้าสิ่งนี้ เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเข้ามาคุยกับเธอหรือมองหน้าเธอเลย ทุกคนสนใจแค่หน้าอกของเธอเพียงเท่านั้น

 

 

ความมั่นใจที่เคยมีมลายหายไปหมดสิ้น เธอเชื่อว่าที่ตลอดระยะเวลาไม่สามารถคบใครได้นานเกิน 1 เดือนเป็นเพราะว่าเจ้ารอยสักนี้ อย่างเช่น Blokes แฟนเก่าที่มองว่ารอยสักของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนใจง่าย ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

“แต่ก่อนฉันมองรอยสักและคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ระหว่างตัวเองกับเจ้า Max สุดที่รัก แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่ารอยสักนี้คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างแรง” เธอกล่าว

 

 

เพื่อกู้คืนเอาความมั่นใจและการใช้ชีวิตที่ปกติของตัวเองกลับมา เธอจึงเข้ารับการยิงเลเซอร์ลบรอยสักในคลินิก The Sk:n เธอพูดว่า “ความพยายามนี้ต้องใช้เวลานานถึง 18 เดือน และเงินอีกกว่า 43,000 บาท แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คุ้มค่ากับความสุขที่ฉันจะได้รับกลับคืนมา”

 

เพื่อให้ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง เธอจึงต้องทนเจ็บไปอีกกว่า 18 เดือน

 

นับเป็นความผิดพลาดจากการตัดสินใจที่เธอไม่ได้คิดมาก่อนว่าผลลัพธ์มันจะน่าเศร้าขนาดนี้ เพื่อนๆ จะทำอะไรก็อย่าลืมไตร่ตรองกันให้ดีๆ ก่อนนะ

 

ที่มา: thechive

Comments

Leave a Reply