ฝรั่งเขียนบทความ 15 เรื่องแปลกๆ ในประเทศญี่ปุ่น จากมุมมองของคนชาติตะวันตก…

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศญี่ปุ่น เคร่งครัดในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีอย่างมากและบางสิ่งก็มีความแตกต่างกับประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง

แต่เพราะความไม่เหมือนใครของประเทศนี้บางครั้งก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นรู้สึกใช้ชีวิตลำบากกันซะหน่อย โดยเฉพาะชาวตะวันตกทั้งหลายที่กับบางเรื่องพวกเขาถึงกับตกใจในความแปลกเลยทีเดียว

นักท่องเที่ยวเหล่านั้นจึงได้รวบรวมความจริงที่พวกเขาคิดว่าไม่มีใครเหมือนของประเทศนี้ เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

 

โรงเรียนเปิดเทอมช่วงเดือนเมษายน

.

.

 

ที่ญี่ปุ่นสถานศึกษาจะเปิดเทอมแรกในเดือนเมษายนและทุกคนก็ต้องเรียนปีละ 3 เทอมด้วยกัน นอกจากนั้นทุกๆ ปีพวกเขาก็จะได้ย้ายห้องคละคนกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เจอกับเพื่อนใหม่ สอนให้เด็กรู้ว่าเราไม่สามารถอยู่กับสังคมเดิมไปได้ตลอดแต่ต้องรู้จักเข้าสังคมเหมือนกับที่ต้องไปเจอในโลกภายนอก

 

ตุ๊กตาหิมะใช้บอลหิมะ 2 ลูก

.

 

เกือบทั้งโลกตุ๊กตาหิมะจะมี 3 ลูกแตกต่างกับญี่ปุ่นที่มีแค่ 2 ลูกตั้งเรียงกัน

 

วัฒนธรรมการตีระฆัง 108 ครั้ง

 

ตามความเชื่อของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นตัวเลข 108 คือจำนวนความปรารถนาของผู้คนที่แบ่งออกมาในรูปของสัตว์ต่างๆ ทุกปีตอนเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคมจะมีการตีระฆังเกิดขึ้นตามศาลเจ้าจนครบ 108 ครั้ง เพื่อปลดปล่อยความโชคร้ายและบาปของปีที่ผ่านมาให้หมดไป

 

ผู้พัน Sanders เป็นสัญลักษณ์ประจำวันคริสมาสต์

 

ผู้พันชื่อดังแห่งร้าน KFC คนนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในวันคริสมาสต์ของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าหลายครอบครัวจะชอบไปกินไก่ร้านนี้ในวันคริสมาสต์อีฟ ยิ่งไปกว่านั้นหากใครต้องการไปกินในช่วงวันหยุดปีใหม่ พวกเขาอาจต้องจองล่วงหน้านานอย่างต่ำ 2 เดือนเลยทีเดียว

 

ใช้ตราปั้มแทนลายเซ็น

 

ชาวญี่ปุ่นใช้ตราปั๊มที่เรียกว่า Hanko แทนการใช้ลายเซ็นโดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ประชาชนทุกคนในประเทศจะมีเจ้าสิ่งนี้เอาไว้และต้องได้ใช้วันหนึ่งหลายครั้ง

 

มารยาทบนโต๊ะอาหารที่เยอะมาก

 

เราอาจเคยได้ยินเรื่องวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นไปบ้างเช่นห้ามขยับจาน ห้ามจิ้มอาหารขึ้นมากิน ห้ามเทเครื่องดื่มด้วยตัวเอง หรือการกินราเมนและอาหารจำพวกเส้นให้เสียงดังๆ เพื่อแสดงถึงความอร่อย นอกจากนั้นการพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า Oishi (แปลว่า อร่อย) ก็จะยิ่งทำให้พ่อครัวรู้สึกดีมากโดยเฉพาะเวลาที่ผู้หญิงเป็นคนพูดด้วยนะ

ทั้งหมดนั้นในบางครั้งมันก็ทำให้ชาวต่างชาติบางคนรู้สึกว่าปรับตัวได้ยากมากจริงๆ

 

สุภาพบุรุษมาก่อน

 

สำหรับประเทศนี้ผู้ชายจะได้รับการต้อนรับและบริการก่อนผู้หญิง ในร้านอาหารหนุ่มๆ จะได้เป็นคนที่สั่งอาหารก่อนและได้รับเครื่องดื่มเป็นอันดับแรก

 

การจูบเป็นเรื่องที่แปลก

 

การจูบในญี่ปุ่นเป็นการสื่อที่ความสัมพันธ์ทางเพศ โดยแทบทุกคนเชื่อว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะเป็นการชมเชย การแสดงความเศร้า หรือความเห็นอกเห็นใจ

 

ฮิคิโคโมริ

 

7 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายในประเทศจะอยู่ในกลุ่มคนที่เรียกว่า ฮิคิโคโมริ (Hikikomori) นั่นคือการใช้ชีวิตแบบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนละทิ้งสังคม พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นคนว่างงานและใช้เงินจากพ่อแม่หรือญาติพี่น้องในการใช้ชีวิต บางคนอาจจะเก็บตัวนานเป็นปีหรือมากกว่า 10 ปีเลยก็ได้

 

ถนนจะไม่มีชื่อแต่ใช้เป็นตัวเลข

 

นอกจากชื่อจังหวัด ชื่อเมือง ชื่อเขตแล้ว ส่วนที่ย่อมลงมา ชาวญี่ปุ่นจะแทนด้วยตัวเลขโดยไม่ได้ตั้งชื่อเหมือนประเทศอื่นๆ แถมตัวเลขเหล่านั้นไม่ได้เรียงกันเป็นระเบียบเหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์คแต่อย่างใด ฉะนั้นชาวต่างชาติจะสับสนหน่อยๆ เวลาพูดถึงพื้นที่ต่างๆ

นอกจากนั้นเดือนในญี่ปุ่นก็จะไม่มีชื่อแต่ใช้เป็นตัวเลขเรียงลำดับเอาแทน

 

ในญี่ปุ่นสามารถรับผู้ใหญ่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้

 

ก็เหมือนกับการรับเด็กมาเลี้ยงเพียงแต่ที่นี่สามารถอุปถัมภ์คนที่โตเป็นผู้ใหญ่ได้ แม้แต่การรับเลี้ยงสามีของลูกสาวหรือในทางกลับกันสามีคนนั้นอาจรับเลี้ยงพ่อตากับแม่ยายแทนก็ได้ เหตุผลที่พวกเขาจจะทำอย่างนั้นก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลให้มีต่อไปและทำให้กระจายมรดกหรือลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

 

ครอบครัวสามารถแช่อ่างอาบน้ำร่วมกันได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำ

 

หอพักสมัยใหม่จะมีแต่ห้องอาบน้ำเท่านั้น แต่สำหรับบ้านคนญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว ทุกบ้านจะต้องมีอ่างอาบน้ำอย่างน้อยๆ หนึ่งอ่าง เพราะชาวญี่ปุ่นถือว่าการแช่น้ำเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แต่ด้วยความที่ค่าน้ำที่ค่อนข้างแพง ชาวญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยเปลี่ยนน้ำใหม่ในการอาบน้ำหนึ่งครั้ง

แต่ไม่ต้องห่วง ทุกคนต้องอาบน้ำข้างนอกมาก่อนถึงจะลงแช่น้ำได้ ฉะนั้นน้ำจึงสะอาดอยู่เสมอ

 

การได้เห็นคนเมานอนข้างถนนหรือที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องแปลก

.

 

ด้วยวัฒนธรรม Work Hard, Play Harder ของคนญี่ปุ่น การได้เจอคนเมานอนอยู่ข้างทางเป็นเรื่องปกติอย่างมาก ถึงอย่างนั้นตามร้านต่างๆ จะรับฝากขวดเหล้าที่กินไม่หมดโดยให้พวกเขาเขียนชื่อลงไปแล้วค่อยกลับมากินวันหลัง และชาวญี่ปุ่นก็จะมีขวดเหล้าที่ฝากทิ้งไว้ในหลายๆ ร้านรอให้พวกเขากลับไปกิน

 

โรคเสพติดงานที่มีแต่เฉพาะในญี่ปุ่น

.

 

คนในประเทศมีความเชื่อว่าการได้ทำงานตั้งแต่เรียนจบและอยู่ในบริษัทเดิมไปจนแก่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด พวกเขาจึงจะไม่ค่อยย้ายงานกันซักเท่าไหร่จนเพื่อนร่วมงานกลายเป็นครอบครัวที่สองสำหรับพวกเขา

นอกจากนั้นด้วยความเกรงใจจึงทำให้ต้องทำงานนาน 12 – 15 ชั่วโมงเพราะไม่กล้าออกบริษัทมาก่อนเพื่อนร่วมงาน ถ้าพวกเขามัวแต่ทุ่มเทใหกับงานมากเกินไปก็อาจทำให้ถึงตายเลยทีเดียว โดยการเสียชีวิตแบบดังกล่าวเรียกว่า Karoshi (แปลว่า ทำงานหนักจนตาย)

 

ปกปิดความทุกข์เอาไว้ภายใต้รอยยิ้ม

 

แม้ชาวญี่ปุ่นมักจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ว่าอัตราการฆ่าตัวตายและจำนวนคนที่ต้องอยู่อย่างเดียวดายยังอยู่ในระดับที่สูง นั่นก็เพราะพวกเขาถูกปลูกฝังเอาไว้ให้ยิ้มเพื่อปกปิดความทุกข์ในใจ โดยมีสำนวนที่ว่า “จงยิ้มขณะที่กำลังเจ็บปวดอยู่ข้างใน”

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้ก็ได้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ เพื่อไม่ให้การแสดงออกถึงความทุกข์ไปทำลายบรรยากาศหรืออารมณ์ของคนในสังคม

 

จากทั้งหมดเพื่อนๆ คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอย่างที่ชาวตะวันตกเขาคิดกันหรือเปล่า

คอมเม้นท์กันเอาไว้ด้านล่างได้เลยนะ

ที่มา: brightside

Comments

Leave a Reply