พนักงานไอทีรำคาญเน็ตช้า เลยผูกเมมโมรี่การ์ดติดขานกพิราบบินไป 100 กิโล ถึงเร็วกว่าส่งไฟล์ให้อีก!!

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสิบกว่าปีก่อน ช่วงที่อินเตอร์ของเรายังต้องต่อเน็ตขูดบัตรความเร็ว ไม่ถึง 100 kb จนเรารู้สึกว่าการส่งนกพิราบคงเป็นอะไรที่ไวกว่าเป็นไหนๆ หรือเราก็อาจจะคิดว่าในอนาคตนั้น อินเตอร์เน็ตจะส่งไฟล์ได้เร็วขึ้น…

ทว่าความจริงอันแสนโหดร้ายนั่นก็คือ แม้ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตจะไวขึ้นก็จริง แต่ไฟล์งานบางอย่างในปัจจุบันก็ใหญ่ขึ้นตามยุคสมัย การส่งไฟล์ก็ช้าไม่ต่างจากเดิม โดยเฉพาะกับประเทศที่อินเทอร์เน็ตยังไม่ไวมากนักอย่างแอฟฟริกาใต้ ซึ่งพ่อหนุ่มไอทีคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นั้นจึงโมโหมาก เลยจัดการส่งไฟล์ผ่านนกพิราบมันซะเลย!!

 

 

เรื่องราวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2009 ซึ่งก็ถือเป็นช่วงที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเฟื่องฟูแล้ว แต่ความเร็วมันก็ยังบั่นทอนจิตใจไม่เปลี่ยนแปลง…

เมื่อพนักงานไอทีนามว่า Kevin Rolfe ได้โวยกับทางบริษัทให้บริการอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ในแอฟฟริกาใต้ว่า อินเทอร์เน็ตของพวกเขานั้นมันช้าซะเหลือเกิน ส่งไฟล์ 4 GB หลายชั่วโมงก็ยังไม่เสร็จสักที (ในยุคนั้น ไฟล์ 4 GB ยังถือว่าใหญ่พอสมควรเลยนะ) ซึ่งทางบริษัทก็ไม่รับผิดชอบอะไรในเรื่องความเร็วเน็ตที่เกิดขึ้น

 

 

Kevin เลยคิดว่าถ้าเน็ตวิ่งแบบนี้ ส่งนกพิราบมันคงจะไวกว่า เขาเลยจัดการยัดไฟล์ใส่เมมโมรี่การ์ด 4 GB แล้วผูกติดกับเจ้า Winston นกพิราบสงสาร จากนั้นก็ปล่อยมันไปยังปลายทาง โดยเริ่มออกตัวจาก Unlimited IT’s call centre ในเมืองโฮวิก ประเทศแอฟฟริกาใต้ พร้อมกับลองส่งไฟล์ไปพร้อมๆ กันดู…

ส่วนปลายทางที่ส่งนกพิราบไปนั่นก็คือสำนักงานหลักของบริษัทในเมืองเดอร์บัน ซึ่งทั้งสองนั้นมีระยะทางที่ห่างจากกันราวๆ 100 กิโลเมตร และใช้เวลาส่งไฟล์ทั้งหมดโดยรวม 2 ชั่วโมง

 

 

ทว่าความจริงแล้ว Winston นั้นใช้เวลาการเดินทางไปยังออฟฟิศนั้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 8 นาทีเท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลือเหลือนั้นเป็นเวลาที่ใช้ถ่ายโอนข้อมูลงจากเมมโมรี่การ์ดนั่นเอง

แล้วถ้าใครสงสัยว่า ด้านไฟล์ที่ส่งผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นยังไงบ้าง คำตอบก็คือ ในตอนที่ Winston นำไฟล์ไปถึงสำนักงานใหญ่มันพึ่งส่งไฟล์ได้เพียง 4% เท่านั้น ช้ากว่านกพิราบจริงๆ ด้วย

 

จงบูชาท่าน Winston ซะ

 

พอเรื่องราวของ Winston ได้เผยแพร่ออกไปสู่ชาวเน็ต ผู้คนก็ต่างชมเจ้านกพิราบกันยกใหญ่เลย ทว่าถ้าพูดถึงปัจจุบันนกพิราบอาจจะช้ากว่าก็เป็นได้นะ

 

ที่มา bbc

Comments

Leave a Reply