หนุ่มออสซี่ เข้าคิวรอกว่า 10 วันเพื่อหวังเป็นเจ้าของ ‘iPhone รุ่นใหม่’ คนแรกของโลก!!

สำหรับใครที่ติดตามข่าวสารในแวดวงเทคโนโลยีอยู่ตลอด ก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าในวันที่ 12 กันยายนนี้จะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่จากค่ายผลไม้อย่าง Apple นั่นก็คือรุ่น iPhone 8, iPhone 8s และ iPhone X

และแน่นอนว่าการที่ได้เป็นเจ้าของคนแรกๆ นั้นก็อาจจะทำให้หลายๆ คนฟินกันสุดๆ เหมือนกับพ่อหนุ่มคนนี้ที่ยอมเข้าคิวรอนานถึง 10 วันเพื่อเป็นเจ้าของโทรศัพท์รุ่นนี้คนแรก!!

Mazen Kourouche ชายหนุ่มที่เดินทางมาไกลกว่า 12,000 กิโลเมตร เพื่อเข้าคิวรอซื้อ iPhone X อยู่ที่บริเวณหน้าแอปเปิลสโตร์ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

 

หนุ่มวัย 20 ปีที่มาเข้าแถวรอเป็นคนแรก!!

 

ชายหนุ่มวัย 20 ปีที่ศึกษาอยู่ในคณะวิศวะกรรมซอฟแวร์ ในมหาวิทยาลัย University of New South Wales เชื่อว่าการรอคอยของเขานั้นจะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน ซึ่งเขากำลังพยายามเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้คนแรกของโลก เพื่อเหล่าแฟนคลับในช่องยูทูบของเขา

“ผมเป็นยูทูบเบอร์ และผมกำลังจะไลฟ์สดเพื่อเหล่าแฟนๆ ของผมที่จะได้เห็นว่าผมได้เป็นเจ้าของ iPhone รุ่นใหม่คนแรก” ชายหนุ่มกล่าว

 

 

ชายหนุ่มมารออยู่ที่นี่เป็นคนแรก และเขามั่นใจว่าจะไม่ยอมเสียเอกราชของเขาให้ใครแน่นอน “มีบางคนถามผมถึงที่นั่งตรงนี้ และผมก็ตอบพวกเขาไปว่า ได้สิแลกกับเงิน 50,000 เหรียญ (ประมาณ 1,600,000 บาท) นะ

อันที่จริงผมไม่รู้หรอกว่าที่การได้เป็นเจ้าของ iPhone คนแรกนั้นจะมีมูลค่าประมาณเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ ถ้าหากผมมีผู้ติดตามในยูทูบเพิ่มขึ้นประมาณ 50,000 คน ผมจะได้เงินประมาณ 50,000 เหรียญ” ชายหนุ่มกล่าว

แต่การรอคอยเพื่อเป็นเจ้าของโทรศัพท์รุ่นใหม่ของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ทำคนเดียวหรอกนะ เขายังมีเพื่อนอีก 2 คนที่คอยเปลี่ยนเวรกันมาเฝ้าในจุดต่อคิว

 

 

“ผมมาถึงที่นี่พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนเมื่อวานนี้ ตอนนี้พวกเขากำลังไปพักที่โรงแรม ผมอยู่ที่นี่รอเป็นคนแรกตั้งแต่ 9 โมงเช้าของวันนี้จนไปถึง 9 โมงเช้าของวันพรุ่งนี้ ก่อนที่เพื่อนของผมจะมาเปลี่ยน” ชายหนุ่มกล่าว

ถึงแม้จะมีการคาดการณ์กันว่า iPhone รุ่นที่ชายหนุ่มผู้นี้หมายปองนั้นจะมีราคาเปิดตัวที่ประมาณ 33,000 บาทและอาจจะมีราคาสูงกว่านั้น หากเขานำมาปล่อยในช่วงแรกๆ ที่วางขาย

ส่วนทางชายหนุ่มบอกว่าความสุดยอดนั้นไม่ได้อยู่ที่คุ้มค่าหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ความคลั่งไคล้โทรศัพท์ของเขาต่างหาก

ที่มา dailymail

Comments

Leave a Reply