ใครที่กำลังอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองซักหลังหนึ่ง แต่พอเปิดดูเงินในบัญชี บวกกับสภาพเศรษฐกิจบ้านเราในเวลานี้แล้ว ก็ถึงกับเป็นอันต้องกุมขมับแล้วล่ะก็ วันนี้เรามีทางออกมาแนะนำ (แต่จะทำได้จริงรึเปล่าไม่รู้นะ)
คฤหาสน์สุดเจ๋งที่อาจไม่ได้ตกแต่งด้วยของแพง แต่เต็มไปด้วยความรัก และความอบอุ่นนี้เป็นของคู่รักชาวแคนาดา Wayne Adams และ Catherine King เอาเป็นว่าตามไปชมพร้อมๆ กันเลย
ก่อนอื่นก็ต้องโบกมือทักทายเจ้าของบ้านซะก่อน ตามมารยาทสากลโลก

พวกเขาได้ตั้งรกรากอยู่บนผืนน้ำนี้มานานกว่า 25 ปีแล้วล่ะ และเรียกบ้านของตัวเองว่า ‘Freedom Cove’

ที่สำคัญคือพวกเขาเลือกที่จะสร้างผลเสียให้แก่ธรรมชาติน้อยที่สุด สามีหาอาหารด้วยการจับปลา ส่วนภรรยาผู้เป็นมังสวิรัตก็มีโรงปลูกผักเป็นของตัวเอง

แรกเริ่มเดิมทีที่นี่เป็นเพียงแค่สตูดิโอสำหรับสร้างงานศิลปะเท่านั้น ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปค่าครองชีพในตัวเมืองที่สูงขึ้น ทำให้พวกเขาตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่อย่างถาวรซะเลย

ความรักของทั้งคู่ก็เปรียบดั่งหนังนิยาย ‘ในยุคที่เราสองคนติดต่อกันไม่ได้ ผมคิดถึงเธอมากได้เพียงแค่นอนอธิษฐานกับดวงดาวว่าอยากเจอเธอ และเช้าวันต่อมาเราก็ได้เจอกันจริงๆ’

สำหรับทั้งคู่บ้านหลังนี้ก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งงานศิลปะแห่งชีวิต มันไม่มีคำว่าสร้างเสร็จ เพราะต้องต่อเติมและซ่อมแซมไปเรื่อยๆ

สำหรับพลังงานความร้อนทั้งหมด พวกเขาเลือกที่จะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และมีการต่อระบบน้ำสะอาดจากตัวเมืองมาถึงที่พักของพวกเขาเอง

ทว่าปัญหาหนักที่สุดก็คือพายุที่โหมกระหน่ำ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ว่าควรจะสร้างบ้านบนผืนน้ำยังไง ให้ไม่ถูกพายุพัดถล่ม

กิจวัตรแต่ละวันของภรรยา เธอก็มักจะง่วนอยู่กับโรงปลูกผักของตัวเอง

ในช่วงฤดูหนาวก็มีเตาผิงไฟข้างในตัวบ้านด้วยเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องออกไปหาฟืนกันเอง

ทั้งคู่ให้เหตุผลของการอยู่แบบนี้ว่า ‘เป็นวิธีที่คุณจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด โดยที่คุณรบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด’

แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ออกจากพื้นที่นี้เลย บางครั้งพวกเขาก็ใช้เรือเพื่อเข้าไปซื้อของใช้จำเป็นในเมือง หรือขับเรือไปเยี่ยมลูกชายวัย 45 ปี ที่อาศัยอยู่บนบ้านเรือนแพใกล้เคียงกัน

ภาพของ Freedom Cove ในช่วงยุคแรกๆ พวกเขาพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน และมักจะมอบเทียนหอมเป็นของฝากกลับไปให้

เห็นแบบนี้พวกเขาก็เลี้ยงสัตว์เหมือนกันนะ

เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่พักจากการทำงานศิลปะ หน้าที่ต่อไปที่ต้องทำก็คือการดูแลพืชผักสวนครัว และการดูแลระบบน้ำต่างๆ เพื่อหล่อเลี้ยงทุกชีวิต

นอกจากการอยู่อย่างพอเพียงแล้ว อีกมุมหนึ่งทั้งคู่ก็เป็นช่างแกะสลัก ช่างทำเทียนไข และทำงานศิลปะต่างๆ จากวัสดุธรรมชาติ

แต่เห็นแบบนี้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่อย่างปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกหรอกนะ เพราะใครที่มีความสนใจอยากจะศึกษาวิถีชีวิตแบบนี้ละก็ พวกเขายินดีที่จะให้ข้อมูลเสมอ

‘เพราะผมเชื่อว่าความเป็นธรรมชาติมันฝังอยู่ในตัวเราทุกคน ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราไม่อาจหนีพ้นความเป็นธรรมชาติไปได้เลย’ เจ้าของบ้านให้สัมภาษณ์ปิดท้าย

เป็นวิถีชีวิตการอยู่ได้ด้วยตนเองที่น่าสนใจมากๆ แถมได้อยู่บนน้ำดูชิคๆ คูลๆ ไปอี๊กก

ที่มา: Dailymail

Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.