การทำศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมปัจจุบันนี้ไปแล้ว แต่ก็อย่างที่รู้ ไม่ว่าจะทำส่วนไหน ยังไง มันก็มีทั้งผลดีและผลเสียตามมาเสมอ
โดยเฉพาะการทำหน้าอก ที่มีงานวิจัยล่าสุดพบว่าการอัพเกรดหน้าอกนั้นเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ ซึ่งเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหายากและยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ (ทางการแพทย์เรียกว่า Anaplastic Large Cell Lymphoma)
โดยนักวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาได้ศึกษารูปแบบต่างๆ ของซิลิโคนเสริมหน้าอก และพบว่าซิลิโคนบางชนิดไม่มีความปลอดภัย นำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีซิลิโคนหลายชนิดที่ถูกสั่งห้ามมาใช้ในการเสริมหน้าอก
ในสหรัฐฯ นั้น การทำศัลยกรรมหน้าอกได้รับความนิยมเป็นอันดับสองจากการทำศัลยกรรมทั้งหมด โดยพบว่ามีการใช้บริการเสริมหน้าอกมากกว่า 300,000 ครั้งต่อปี
และการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าอกมากถึง 99% ส่วนการรักษาเบื้องต้นนั้น คือ ต้องนำซิลิโคนที่เสริมอกออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ยังพบว่า แม้ผู้หญิงที่ทำหน้าอกมานั้นเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองน้อย แต่เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำแล้วกลับพบว่ามีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน
คนที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเนื่องจากการทำหน้าอกนั้น ส่วนใหญ่จะได้รับการรักษาด้วยการเอาซิลิโคนออก และฝังแคปซูลไว้รอบๆ จุดที่เคยเป็นตำแหน่งซิลิโคน แต่บางกรณีก็จะรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดและฉายรังสี
การสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2017 พบว่า มีคนที่ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเนื่องจากซิลิโคนทำหน้าอก 359 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 9 ราย
ส่วนในการกระบวนการทำศัลยกรรมหน้าอกนั้น มีรูปแบบที่หลากหลาย แต่ในสหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้แค่แบบเติมน้ำเกลือกับซิลิโคนเจลเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งสองอย่างก็มักจะมีรูปร่าง พื้นผิว และขนาดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและกระบวนการผลิตอีกที
การเกิดมะเร็งจการทำหน้าอกนั้นพบว่า ชั้นนอกสุดของซิลิโคนที่มีกระบวนการผลิตที่ต่างออกไป เมื่อนำมาใส่ในร่างกายแล้ว มันจะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจนทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่อย่างไรก็ตามงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันที่ชัดเจน
ทางด้านองค์กรอนามัยโลกก็ได้ออกมาเตือนศัลยแพทย์ให้มีการระวังผลิตภันฑ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย และการทำศัลยกรรมต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ก่อนทำหน้าอกต้องคิดให้รอบคอบนะ ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดแล้วค่อยตัดสินใจนะคะ
ที่มา dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.