วิศวกรเสนอ 4 วิธีการเอาตัวรอด หากอยู่ในสถานการณ์ “ลิฟท์ตก” ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้…

หลายๆ คนคงจะเคยกังวล และรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยขณะขึ้นลิฟต์ เพราะบ่อยครั้งเราจะเห็นสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งไทย และต่างประเทศ นำเสนอข่าวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในลิฟต์

ซึ่งเอาจริงๆ อุบัติเหตุจากลิฟท์มักจะเกิดขึ้นได้ยาก และค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องไกลตัว แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน เพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นกับเราจริงๆ จะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นเราควรมองหาวิธีแก้ไข และเอาตัวรอดจากมันกันหน่อยดีไหม

ด้วยเหตุนี้ ทาง Eliot H. Frank วิศวกรวิจัย จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) จึงได้ออกมาเผย 4 วิธีการเอาตัวรอดจากลิฟต์ที่กำลังตก ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า

 

 

1.ภายใต้สถานการณ์ที่ลิฟต์กำลังตก อย่ากระโดดเป็นอันขาด

เอาจริงๆ แล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากมากหากคุณพยายามกระโดดขณะลิฟต์ตกอยู่กลางอากาศ และการกระโดดอาจทำให้ความเร็วในการตกเท่ากับความเร็วในการตกของลิฟต์ในตอนนั้น อีกทั้งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าร่างกายส่วนไหนจะตกลงพื้นก่อน

ดังนั้น หากอยู่ในสถานการณ์ที่ลิฟต์กำลังตก อย่ากระโดดเป็นอันขาด เพราะมีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่ามันเป็นอันตราย และไม่ควรทำอย่างมาก ลองชมคลิปด้านล่างได้เลย…

 

2.อย่ายืนตัวตรง

การยืนตัวตรงไม่ได้เป็นความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะในขณะลิฟต์ตกจะทำให้น้ำหนักลงไปบนเข่าถึง 10 เท่าของน้ำหนักตัวเลยนะ นั่นก็อาจจะนำไปสู่อันตราย และการบาดเจ็บที่ร้ายแรง

 

 

3.นอนราบอยู่บนพื้นลิฟท์

ทันทีที่คุณรู้สึกว่าลิฟท์กำลังตก คุณควรนอนหงายราบอยู่บนพื้นของลิฟท์ ในตำแหน่งนี้จะช่วยทำให้ความรุนแรงของการกระแทกแพร่กระจายออกไปทั่วร่างกาย

 

4.หากมีคนติดอยู่ในลิฟต์จำนวนมากจนคุณไม่สามารถนอนได้ ให้ นั่ง หรืองอเข่าแทน

ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือ การนั่งบนพื้นของลิฟท์ ในตำแหน่งนี้จะช่วยลดการกระแทกของกระดูกซึ่งจะน้อยกว่าการยืนตรง หากมีพื้นที่น้อยมากอย่างน้อยก็พยายามงอเข่า เพราะจะช่วยลดแรงกระแทกในขณะที่ลิฟต์ตกถึงพื้น

เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน แต่หากมันจะเกิดขึ้นก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เราควรหาข้อมูล และวิธีแก้ไขเอาไว้ก่อน เพื่อสามารถรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยให้คุณสามารถรอดชีวิตได้

ที่มา : nytimesbrightsidediscovery

Comments

Leave a Reply