เรื่องราวของ Frank Abagnale นักต้มตุ๋นในตำนาน จนถูกนำไปสร้างหนัง Catch me if you can

เรื่องราวของ Frank Abagnale ที่เป็นต้นแบบของภาพยนตร์เรื่อง Catch me if you can นำแสดงโดยดารานักแสดงชื่อดังอย่างป๋า Leonardo DiCaprio และ Tom Hank ที่การันตีความสามารถด้วยรางวัลออสการ์มาแล้วทั้ง 2 คน

 

 

Frank William Abagnale Junior เกิดในเมือง New York เมื่อวันที่ 27 เมษายน ปี 1948 เรื่องราวในชีวิตวัยเด็กนั้นเขาก็เป็นเหมือนเด็กๆ ปกติทั่วไป

จนถึงวัย 16 ปี เขาได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านพร้อมกับมีเงินติดตัวอยู่ 7,000 บาท แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้ไม่พอใช้อย่างแน่นอน

และก้าวแรกของชีวิตนักต้มตุ๋นของเขาเริ่มจากตรงนี้ Frank ได้เซ็นเช็คปลอมไปใช้จ่ายไม่อั้นจนโดนเด้งไปหลายครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหันมาจับตามอง

 

 

ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในเมือง New York นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงต้องผันตัวเองไปทำอะไรซักอย่างเพื่อเอาตัวรอด และสิ่งที่เขาคิดได้ก็คือการชุบตัวเอง เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นและสามารถใช้เช็คเงินสดได้โดยไม่ถูกสงสัย

เริ่มต้นด้วยการปลอมตัวเป็นนักบินของสายการบิน Pan Am ที่เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ด้วยการไปแสดงตัวที่บริษัทว่าเป็นนักบินและบอกว่าชุดนักบินของเขาหาย

จากนั้นก็ใช้เทคนิคปลอมตราสัญลักษณ์องค์กรบนหมวกและปกเสื้อเล็กน้อย ทำให้สามารถเข้าไปทำงานในสายการบินได้อย่างง่ายดาย

 

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงทำอยู่ก็คือการเซ็นเช็คปลอมในการใช้จ่ายต่างๆ เพราะโรงแรมและสถานบริการต่างๆ ก็พร้อมที่จะรับเช็คในทันทีเพียงแค่เห็นว่าเป็นนักบิน และทางเค้าน์เตอร์ของสายการบินเองก็พร้อมที่จะรับเบิกเช็คของนักบินอีกด้วย

หมายความว่า Frank สามารถจับจ่ายใช้สอยซื้อทั้งบริการและสินค้าต่างๆ โดยไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว!!

ที่มันง่ายดายขนาดนั้นก็เพราะว่าในช่วงปี 1960 นั้นระบบความปลอดภัยของธนาคารยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก และไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลทางออนไลน์ได้เหมือนในปัจจุบัน

ในไม่ช้าจำนวนเช็คปลอมที่ถูกใช้ไปอย่างมหาศาลจนทำให้เจ้าหน้าที่ FBI เริ่มเคลื่อนไหว เขาจึงหอบเงินหนีไปยังรัฐ Georgia เพื่อตั้งตัวใหม่

 

 

และรอบนี้เขาได้อ้างตัวเองว่าเป็นหมอรักษาเด็ก เนื่องจากว่าในขณะนั้นโรงพยาบาลกำลังขาดหมอ เขาได้ปลอมใบอนุญาตแพทย์และกลายเป็นหมอในโรงพยาบาลนั้น

หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 1 ปี ทำให้เขารู้ว่าการเป็นแพทย์ปลอมตัวเป็นแพทย์นั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะเขาไม่สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้จริง จึงต้องใช้วิธีการโยนงานตรวจคนไข้ให้กับคุณหมอและพยาบาลคนอื่น

ทำให้ชีวิตช่วงนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากพอสมควร จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหนีหายออกจากโรงพยาบาลไปอยู่กับคนรักใน Louisiana และเปลี่ยนเส้นทางอาชีพไปเป็นทนายความ

 

 

ในคราวนี้ เขาแต่งเรื่องเล่าปลอมๆ ว่าจบมหาวิทยาการศึกษาจากปริญญาโทในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดก่อนที่จะมาเป็นนักบินเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง

แต่ในครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะถูกเพื่อร่วมอาชีพคนหนึ่งที่จบจากฮาวาร์ดจริงๆ เกิดสงสัยในตัวเขา และเริ่มสืบเรื่องราวเพื่อเปิดโปง

ทำให้ Frank ต้องโยกย้ายถิ่นฐานอีกครั้งหนึ่ง โดยไปเป็นอาจารย์สอนวิชาสังคมอยู่ในมหาวิทยาลัยประจำรัฐ Utah อยู่พักหนึ่ง แต่เนื่องจากว่าเงินเดือนของอาจารย์นั้นไม่เพียงพอ เขาจึงตัดสินใจที่จะกลับมาทำอาชีพนักบินอีกครั้งหนึ่ง

 

 

แต่รอบนี้ข้ามประเทศไปที่สายการบิน Air France ของประเทศฝรั่งเศส และชีวิตการเป็นนักต้มตุ๋นของเขาก็จบลงที่นี่ เมื่อปี 1969 แอร์โฮสเตสเพื่อนร่วมงานของ Frank เกิดจำหน้าของเขาได้จากใบประกาศหมายจับและได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สุดท้ายเขาถูกจับกุม และถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลากว่า 12 ปี แต่หลังจากที่อยู่ในเรือนจำไปได้ประมาณ 5 ปี ก็ถูกปล่อยตัวออกมาโดยมีเงื่อนไขว่า “จะต้องให้คำปรึกษาช่วยเหลือกับองค์กรต่างๆ ในเรื่องของเช็คปลอมและการต้มตุ๋นอื่นๆ โดยไม่มีค่าจ้าง”

หลังจากถูกปล่อยตัวเขาก็ลองไปทำงานหลากหลายอย่าง แต่ก็ยังไม่เจองานที่ถูกใจซักที จึงได้เสนอตัวไปยังธนาคารและเล่าถึงกลโกงที่เคยทำไว้ เพื่อช่วยปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย ทางธนาคารจึงตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษา

ปัจจุบันเขาได้เปิด สำนักงาน Abagnale & Associates ให้คำปรึกษาในด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับเช็คและกลายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านที่มีเงินใช้เป็นของตัวเองโดยไม่ต้องปลอมเช็คขึ้นมาลอยๆ อีกต่อไป…

 

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว ผ่านทาง : wikipedia

Comments

Leave a Reply