การสักนั้นนับว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แต่ก็แปลกดีนะที่คนสักส่วนใหญ่มักจะถูกมองในแง่ลบ จนบางบริษัทถึงขั้นไม่รับเข้าทำงานเพียงเพราะมีรอยสักเท่านั้นเอง
เช่นเดียวกับคุณแม่วัยใสอย่าง Celia Sanchez คุณแม่ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกสังคม เพราะพวกเขามักมองเธอแปลกๆ หลายคนคิดว่าเธอจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี เพียงเพราะเป็นคุณแม่ที่มีรอยสัก
Sanchez มีลูกเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ในวัย 23 ปี และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่เธอเริ่มกลายเป็นแม่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เธอจะไม่มีวันลืม
เธอบอกว่า “เมื่อฉันพาลูกไปเข้าคอร์สการเลี้ยงดูลูก ฉันจะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่เหมือนกับแม่คนอื่นๆ พวกเขาแก่กว่าฉัน มันเลยทำให้ฉันรู้สึกแปลกแยก”
“มันจะมีคนทักฉันว่า ‘คุณมีลูกแล้วหรอเนี่ย เป็นแม่ที่เด็กมากเลยนะ’ ‘คุณไม่เหมือนคนเป็นแม่เลย’ โดยเฉพาะคำพูดหลังนี้ ที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก”
ด้วยแรงกดดันจากสังคมนี้ ทำให้ Sanchez ซึ่งเป็นช่างภาพอยู่แล้ว จึงตัดสินใจที่จะทำโปรเจคถ่ายภาพ เพื่อทำให้สังคมเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคุณแม่ที่มีรอยสัก
เธอบอกว่า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงทั้งโลก ฉันอยากให้ทุกคนได้เห็นว่า เราเป็นแค่คนคนหนึ่ง ที่มีความชอบมีแนวของตัวเอง แม้จะมีรอยสักแต่เราไม่แตกต่างจากคนปกติเลย”
ชุดภาพของ Sanchez ใช้ชื่อว่า “Devoted” ซึ่งเป็นภาพของคุณแม่ที่มีรอยกับลูกๆ ของพวกเขา โดยโปรเจคนี้ได้รับความร่วมมือจากคุณแม่มากมาย เพราะพวกเขาอยากสนับสนุนความคิดของ Sanchez เช่นกัน
คุณแม่เหล่านี้จะโชว์รอยสักของพวกเขา สีผมฉูดฉาด และเสื้อผ้าในสไตล์ของแต่ละคน ซึ่งดูรวมๆ แล้วคุณแม่เหล่านี้ไม่เหมือนคุณแม่ในแบบที่สังคมคาดหวังเลย แต่เพราะแบบนี้ที่เธออยากให้สังคมได้เห็นคุณแม่ในอีกมุมหนึ่ง
Sanchez ได้ทำโปรเจคนี้คนเดียวมา 3 ปีแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากคุณแม่คนอื่นๆ และลูกๆ ของพวกเขา ซึ่งเธอหวังว่า โปรเจคนี้จะทำให้สังผมเปลี่ยนทัศนคติและการตัดสินคนอื่นจากภายนอก
“ฉันเข้าใจดีว่า คุณแม่ที่ถูกมองว่าไม่มีเหมือนแม่ทั่วไปนั้น รู้สึกยังไง ดังนั้นฉันจึงได้ถ่ายรูปเหล่านี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณแม่ที่มีรอยสักว่า พวกคุณไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ เลย การจะเป็นแม่ที่ดีหรือไม่ดีนั้นไม่ขึ้นอยู่กับรอยสักบนร่างกายของคุณเลย”
แต่เชื่อมั้ยว่า หลายสังคมบนโลกนี้ ที่มองว่า ‘คนมีรอยสักนั้นไม่สมควรที่จะเป็นแม่’ ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีการวิจัยบอกว่า คนมีรอยสักจะเป็นพ่อแม่ที่แย่ แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่การมองคนจากภายนอกเท่านั้น ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับคนมีรอยสักเลย
ปัจจุบันนี้ พ่อแม่ที่มีรอยสักดูจะเป็นเรื่องปกติมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ถูกสังคมมองในแง่ลบเมื่อพวกเขาอยู่กับลูกพร้อมรอยสักบนร่างกาย
ตัวอย่างหนึ่งของ Brian Poole และภรรยาของเขา Meg ทั้งคู่เป็นพ่อแม่ที่มีรอยสักe “เรามีรอยสักบนร่างกาย ไม่ได้แปลว่าเราจะเป็นคนไม่ดี แต่แน่นอนว่า มีบางคนมองว่าเราแย่”
เขาจึงได้สร้างเพจเฟสบุ๊ค พ่อแม่กับรอยสัก เขาบอกว่า “มีไม่กี่คนที่เข้ามาคอมเม้น แต่มีคนจำนวนมากที่มองเราอย่างเยาะเย้ย เพียงเรามีรอยสัก”
“บางทีพวกเขาอาจจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่เมื่อคุณออกไปข้างนอก พวกเขาจะตำหนิคุณด้วยภาษาท่าทาง พวกเขาจะตัดสินคุณในแบบที่เขาเห็น ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักคุณ”
ความคิดอคติของสังคมส่งผลอย่างยิ่งต่อ Poole และครอบครัว…พวกเขาถูกปฏิเสธจากบ้านเช่า จนทำให้เขาคิดว่าย้ายออกไปดีกว่า จะได้ไม่ปัญหา
แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ย้ายเมื่อได้รู้เกี่ยวกับ “Devoted” นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโปรเจคนี้ถึงมีความสำคัญมาก เพราะมันสามารถเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไปได้เลย
ดังนั้นตลอดเวลา 3 ปีที่ทำโปรเจคนี้ นับว่า Sanchez ได้ประสบความสำเร็จมากในระดับหนึ่ง เธอเสริมว่า “ฉันอยากทำผู้หญิง แม่ ที่ไม่ทิ้งสไตล์ของตัวเอง พวกคุณจงภูมิใจที่ได้เป็นแม่โดยที่คุณไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเลย ที่สำคัญ พวกคุณเป็นพ่อแม่ที่ดี”
ดังนั้นตลอดเวลา 3 ปีที่ทำโปรเจคนี้ นับว่า Sanchez ได้ประสบความสำเร็จมากในระดับหนึ่ง เธอเสริมว่า “ฉันอยากทำผู้หญิง แม่ ที่ไม่ทิ้งสไตล์ของตัวเอง พวกคุณจงภูมิใจที่ได้เป็นแม่โดยที่คุณไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเลย ที่สำคัญ พวกคุณเป็นพ่อแม่ที่ดี”
และเราเองในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในสังคม ไม่ว่าคุณจะมีรอยสักหรือไม่ เมื่อคุณเห็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีรอยสัก อย่าไปมองพวกเขาด้วยสายตาตำหนิ เพราะแค่รอยสักไม่ได้ตัดสินได้ว่า คนคนนั้นเป็นคนดีหรือไม่ดี
คนที่มีรอยสักเองก็เช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่คุณรัก เป็นสไตล์ของคุณ ดังนั้นอย่าสูญเสียความมั่นใจเพียงเพราะคำพูดของคนอื่น แต่จงภูมิใจตัวเองและทำหน้าที่ดีที่ตัวเองให้ดีที่สุด
ในเมื่อการสักเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แต่ทำไมต้องมองในแง่ลบด้วย แปลกดีเนาะ
ที่มา upworthy
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.