เห็นแล้วเศร้า เจ้าหมีถูกขังในกรงนานกว่า 20 ปี ไม่เคยได้ใช้ชีวิตในธรรมชาติเลย

สัตว์บางชนิด เมื่อเติบโตได้ไม่นานนักก็จะเริ่มออกเดินทางหรือออกโบยบินไปสู่ความอิสระ แต่กับสัตว์บางชนิดอาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของมันเพื่อที่จะได้เป็นอิสระเลยก็ว่าได้

เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของเจ้าฟีฟี่ หมีไซบีเรียนสีน้ำตาล ในช่วง 10 ปีแรกของชีวิตมันต้องอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สวนสัตว์ก็มีอันต้องปิดตัวลง แต่แทนที่สวนสัตว์จะปล่อยเจ้าฟีฟี่กลับสู่ผืนป่า กลับขับมันไว้ให้อยู่แต่ในกรงเล็กๆ

เจ้าฟีฟี่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างเศร้าสร้อยในกรงเป็นเวลาอีก 20 ปี โดยที่ไม่เคยออกไปข้างนอกเลย ทั้งหาอาหาร เล่นน้ำ หรือแสดงพฤติกรรมต่างๆ แบบที่หมีควรจะเป็น

เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เจ้านายของฟีฟี่ก็ได้ตัดสินใจทอดทิ้งเจ้าฟีฟี่ในที่สุด เจ้าหน้าที่กลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์ (PETA) จึงรีบเข้าไปหาเจ้าฟีฟี่ ซึ่งภาพที่พวกเขาเห็นก็ทำให้หดหู่ใจทีเดียว เพราะเจ้าฟีฟี่มีดวงตาที่เศร้าสร้อยยิ่งกว่าหมีตัวไหนๆ ที่เคยเจอเลย มันมีรูปร่างผอม ขนของมันมีแต่รอยเปื้อนมอมแมม

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยยังค้นพบอีกว่าเจ้าฟีฟี่มีอาการบาดเจ็บเวลาที่มันเดินไปมา เป็นผลมาจากโรคไขข้ออักเสบที่ขาหลังนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์อีกว่าหากเจ้าฟีฟี่ไม่เคยออกไปไหนมาไหนเลย นั่นก็อาจจะหมายความว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา เจ้าฟีฟี่ไม่เคยได้จำศีลเลย ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมากเพราะมันคือกิจกรรมทางธรรมชาติที่ช่วยให้พวกมันอบอุ่นและมีสุขภาพที่ดี

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่ให้การช่วยเหลือเจ้าฟีฟี่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “เจ้านายของมันคิดว่าการจำศีลไม่จำเป็น พวกเขาเลยทำให้มั่นใจว่าเจ้าฟีฟี่จะตื่นตัวตลอดทุกครังที่ถึงฤดูหนาวเป็นเวลากว่า 10 ปี”

ตอนนี้เจ้าฟีฟี่มีอายุกว่า 32 ปีแล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้เข้าช่วยเหลือมัน ชีวิตของมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ พวกเขาพามันไปอยู่ในที่ที่มีสนามหญ้า มีแอ่งน้ำเล็กๆ เพื่อให้พวกมันคุ้นชินกับธรรมชาติทีละนิดๆ

หลังจากนั้นเวลากล่วงเลยมาถึงช่วงเดือนธันวาคม เจ้าฟีฟี่เริ่มมีพฤติกรรมที่ผ่อนคลายมากขึ้น สายตาเศร้าๆ แบบที่เคยเห็นตอนแรกก็เริ่มหายไป ร่างกายของมันเริ่มอ้วนท้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ชมคลิปของเจ้าฟีฟี่ได้ที่ด้านล่างเลย

ได้หลุดพ้นจากกรงขังสักทีนะเจ้าหมี

ต่อไปนี้นายจะต้องเจอแต่เรื่องราวดีๆ แน่นอน

ที่มา thedodo