นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษหายตัวในไทย หลังบอกครอบครัวว่าชายไทยคนหนึ่งไม่ยอมให้กลับ!?

หนึ่งในเป้าหมายของชาวต่างชาตินิยมเลือกมาท่องเที่ยวนั่นก็คือประเทศไทย ด้วยเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ และการใช้ชีวิตท่องเที่ยวที่ไทยนั้น สบายๆ จึงไม่แปลกใจที่นักท่องเที่ยวจะมาเยี่ยมเยือนตลอด

 

jordan-jacobs (2)

 

แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษนามว่า Jordan Jacobs จะจบทริปมาเที่ยวที่ประเทศไทยอยู่แล้ว กำลังรอเพื่อขึ้นเครื่องกลับ Lyneham, Wiltshire ประเทศอังกฤษเที่ยวบินวันที่ 16 ธันวาคม 2558 แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นเที่ยวบินดังกล่าว

 

jordan-jacobs (4)

 

เขาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขาดการติดต่อโดยสมบูรณ์ โดยครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นหนุ่มอังกฤษวัย 21 ปีรายนี้ก็ตอนที่ยอมขึ้นเรือข้ามเกาะพีพี ไปยังเกาะอื่น

 

jordan-jacobs (1)

 

แต่แล้วเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งในสภาพที่ดูย่ำแย่พอสมควร ไม่มีรองเท้าใส่ กระเป๋าคู่กายก็ไม่มี ซึ่งเขาก็ได้ทำการยืมโทรศัพท์จากนักท่องเที่ยวชาวไซปรัส โดยข้อความสุดท้ายที่ครอบครัวได้รับจากเขาก็คือ ‘มีชายไทยคนหนึ่งไม่ยอมให้เขากลับประเทศ อีกทั้งยังข่มขู่ทำให้เขารู้สึกกลัวด้วย’

 

jordan-jacobs (3)

 

เมื่อทราบว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ ทางครอบครัวและน้องสาว Emily Jacobs จึงได้ทำการโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวเขาทันที

 

It's been 4 days since someone last saw my little brother. Please keep sharing and posting, it is helping. We are being…

Posted by Emily Jacobs on Tuesday, December 15, 2015


 

Emily Jacobs ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า ‘ฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาเลยจนกระทั่งเช้าวันจันทร์ โดยที่เราได้โทรคุยกันผ่าน Facebook Messenger เพียงแค่ 90 วินาที เขาไม่ยอมบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน บอกแค่ว่า ‘ฉันต้องการให้เธอปลอดภัย’ ฉันพยายามถามว่าเขายังสบายดีมั้ย อยู่ที่ไหน เขาก็ตอบมาว่า ‘ฉันพูดมากเกินไปแล้ว ฉันพูดอะไรมากไม่ได้ ฉันรักเธอนะ’ แล้วก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรอีกเลย’

 

jordan-jacobs (1)

 

ทั้งนี้ก็ได้ตั้งข้อสังเกตสำหรับชายไทยคนดังกล่าว เป็นบุคคลในท้องถิ่น ช่วงอายุประมาณ 20 ปลายๆ โดยเห็นอยู่กับ Jordan ครั้งล่าสุดเป็นคนสุดท้าย และน่าจะทำงานอยู่ในเกาะพีพี หากใครอยู่แถวๆ เกาะพีพี ก็ช่วยกันตามหา Jordan กันด้วยนะ น่าเป็นห่วงจริงๆ กลัวจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นอีกครั้งในประเทศไทยของเรา

ที่มา : unilad

Comments

Leave a Reply