ตำรวจเรียกรถขับขี่อัตโนมัติของ Google ให้จอด เหตุเพราะขับ ‘ช้า’ จนเกินไป!!!

สำหรับเรื่องนี้ต้องขอบอกก่อนเลยล่ะว่า น่ารักเกินไปมั๊ยยยย ฮร่าาา เมื่อคุณตำรวจได้ทำการบังคับให้รถของทาง Google ที่เป็นรถต้นแบบขับขี่อัตโนมัติ จอดข้างทางด้วยเหตุผลที่ว่า ขับขี่ช้าจนเกินไป!!!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองเมาเท่น ในแคลิฟอร์เนีย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกให้รถของ Google จอดเนื่องจากขับเคลื่อนที่ความเร็ว 39 กม./ชม. ซึ่งถือว่าช้าเกินไปในเขตที่ให้รถขับขี่ได้ที่ 56 กม./ชม.

 

คุณตำรวจเรียกให้จอด

1

 

ซึ่งสาเหตุที่ตำรวจต้องมาขอให้รถของกูเกิลจอดก็เพราะว่า การจราจรเกิดการติดขัดเพราะถูกกีดขวางโดยรถคันหนึ่งที่ใช้ความเร็วต่ำเกินไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถขับขี่อัตโนมัติของกูเกิลหรือ Google Autonomous Vehicle ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนานั่นเอง

ภายหลังเจ้าหน้าที่ก็ได้ทราบว่า รถขับขี่อัตโนมัติของกูเกิลกำลังเรียนรู้เส้นทางและปรับความเร็วตามสภาพการจราจรอยู่นั่นเอง

 

รถขับขี่อัตโนมัติของกูเกิล

google-autonomous-car-prototype_100494838_h

 

ส่วนทางด้านของบริษัท Google ก็ได้ออกมาแถลงว่า “คงมีไม่บ่อยครั้งนักที่มนุษย์จะถูกตำรวจเรียกเพราะขับขี่รถช้าเกินไป เราจำกัดความเร็วของรถขับขี่อัตโนมัติไม่ให้เกิน 40 กม./ชม. ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เราต้องการให้รถต้นแบบของเรามีความเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมท้องถนน เราไม่ต้องการให้มันขับเคลื่อนด้วยความเร็วจนสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน”

แถมทางบริษัทยังเผยด้วยอีกว่ารถในโครงการนี้ผ่านการทดสอบมาแล้ว 1.2 ล้านไมล์ (หรือราวๆ 2 ล้าน ก.ม.) มาแล้ว หรือราวๆ ประสบการณ์ขับขี่ 90 ปีของมนุษย์ และที่แน่ๆ คือรถของพวกเขาไม่เคยโดนใบสั่งจากทางตำรวจแม้แต่ครั้งเดียว!!!

 

อื้อหืออออ เรียกได้ว่าเป็นรถที่เน้นในด้านปลอดภัยมากๆ แถมวินัยจราจรดีอีกต่างหากแบบนี้ ในอนาคตอาจเห็นใช้กันอย่างแพร่หลายได้เลยนะเนี่ย

ที่มา: Autospinn

Comments

Leave a Reply