เจ้าของเสียง Siri เผย ต้องอัดเสียงวันละ 4 ชั่วโมง เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม!!

นับตั้งแต่ Apple เปิดตัวโปรแกรมตอบโต้อัจฉริยะ Siri เมื่อปี 2011 นับจากวันนั้น Apple ก็พัฒนา Siri ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มันฉลาดขึ้น ตอบสนองได้ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งเพิ่มจำนวนภาษาที่รองรับขึ้น แต่เคยสงสัยหรือไม่ เสียงเจ้า Siri ภาษาอังกฤษเวอร์ชั่นผู้หญิง เป็นเสียงของใครกันแน่

แน่นอน Apple ปิดเป็นความลับมาตลอดใครเป็นเจ้าของเสียง ซึ่งแม้กระทั่งเจ้าของเสียงก็ยังไม่รู้เลยว่านั่นคือเสียงของตนเอง อาจด้วยเหตุผลทางธุรกิจหรือด้านความปลอดภัยทำให้พวกเขาต้องทำเช่นนั้น แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ออกมาบอกว่า เธอคือเจ้าของเสียง Siri เอง

ผู้หญิงคนนั้นมีชื่อว่า Susan Bennett ปัจจุบันเธอมีอายุ 65 ปี เธอทำอาชีพเกี่ยวกับการอัดเสียงประกอบโฆษณามาอย่างยาวนาน และบริษัทดังๆก็เคยใช้บริการเธอมาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, McDonald’s, Goodyear, Visa

เมื่อปี 2005 บริษัทซอฟแวร์  ScanSoft ได้ประกาศหาคนที่จะมาอัดเสียง เพื่อนำไปทำโปรเจคอะไรซักอย่าง และพวกเขาเลือก Bennett

ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมปี 2005 ในทุกๆวัน Bennett จะต้องอัดเสียงเป็นเวลา 4 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม เธอต้องพูดประโยค วลีแปลกๆ ไร้สาระมากมาย เธอบอกว่ามันน่าเบื่อมาก แต่ก็ต้องทำเพราะว่าเป็นงาน

เมื่อโปรเจคจบลงไป เธอก็สงสัยว่าเสียงของเธอจะถูกนำไปใช้ในงานอะไร หลายปีผ่านไปเธอก็แทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าเคยทำโปรเจคนี้ วันหนึ่งเพื่อนของเธอก็ส่งอีเมลล์มาบอกว่า “วันนี้ฉันลองมาเล่นมือถือใหม่ของ Apple (iPhone 4s) น่ะ นั่นใช่เสียงเธอรึเปล่า?”

Bennett ได้ยินดังนั้น จึงรีบไปเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อดูวีดีโอการเปิดตัว Siri และเธอก็บอกกับตัวเองว่า “นั่นแหละ เสียงฉันชัดๆเลย”

หลายคนอาจบอกว่า ป้า Bennett โมเมเอาเองหรือเปล่า ไม่ต้องห่วง เรามีหลักฐานมีสนับสนุนข้อนี้ของเธอ

บริษัท ScanSoft ที่เธอไปอัดเสียงด้วย ตอนหลังถูกซื้อไปโดยบริษัท Nuance Communications ซึ่งก็เป็น Nuance นี้เองที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี Siri ของ Apple

นอกจากนี้ทาง CNN ได้สอบถามไปยังนักนิติวิทยาศาสตร์ทางดิจิตอล Ed Primeau เขาบอกว่าเขาทำงานทางด้านวิเคราะห์เสียงมากว่า 30 ปี ไม่มีทางที่คนสองคนจะเสียงเหมือนกัน และเสียงใน Siri กับเสียงของ Bennett คือเสียงคนๆเดียวกันอย่างแน่นอน

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องก็หลายๆคนไม่เคยรู้มาก่อน ทีนี้ก็อย่าไปรำคาญเสียงเจ้า Siri มันเลย เพราะกว่าจะได้เสียงนี้มา ต้องลำบากจริงๆ เห็นใจเขาเถอะ ฮาาาา

ที่มา CNN