[วิจารณ์ส่งเดช] Ant-Man หนังโจรกรรมที่มีซุปเปอร์ฮีโร่เป็นตัวเดินเรื่อง

ก่อนหน้าที่หนังจะเข้าฉาย แอดเหมียวกังวลมาตลอดเลยว่า Ant-Man อาจจะเป็นหนังเรื่องแรกของ Marvel ที่จะไม่เปรี้ยงเท่าฮีโร่รุ่นพี่ที่เคยออกมาวาดลวดลายก่อนแล้วหลายปี แถมยังเป็นฮีโร่ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้ชมเท่าไอ้แมงมุม เดอะฮัลค์ หรือไอร์อ้อนแมนด้วย แต่หนังก็พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาสามารถหาหนทางใหม่ๆให้กับซุปเปอร์ฮีโร่ได้เสมอ เหมือนอย่างที่ Guardians of The Galaxy เคยทำไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว วันนี้แอดเหมียวจะมาไล่เรียงเองว่าความดีงาม จุดดีจุดด้อยของฮีโร่คนนี้เป็นยังไง

Ant-Man (2)

 

หนังว่าด้วยเรื่องของ Scott Lang(Paul Rudd) ชายหนุ่มผู้มีความเก่งกาจในการย่องเบา แม้จะเพิ่งพ้นตารางออกมาได้ไม่นาน แต่ก็ยังมิวายเข้าไปพัวพันกับการปล้นทรัพย์อยู่ดี วันหนึ่ง Scott ได้เข้าไปขโมยชุดเพิ่มพลังในบ้านของ Dr. Hank Pym(Michael Douglas) ด้วยพลังของชุดทำให้เขาสามารถย่อส่วนร่างกายได้แบบไม่ต้องโดนสารเคมีอาบ โดนแมลงสัตว์กัดต่อย หรือถูกฉายด้วยรังสีใดๆ

Ant-Man (5)

 

การสวมชุด Ant-Man ยังทำให้เขามีพละกำลังที่เหนือมนุษย์ แถมยังสามารถสื่อสารกับมดได้ทุกสายพันธุ์(ไมมันง่ายจังฟระ) นอกจากจะต้องเรียนรู้พลังของชุดแล้ว Scott ยังต้องทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ Hank Pym มอบหมายให้ นั่นก็คือการไปขโมยชุด Yellow Jaket ของ Darren Cross(Corey Stoll) มาให้ได้ ก่อนที่เขาจะสร้างกองทัพจิ๋วขึ้นมาและตกไปอยู่ในมือของผู้ที่คิดจะครองโลก

Ant-Man (6)

 

แน่นอนว่าการเป็นหนังภาคแรก มักจะต้องเสียเวลาในการปูพื้นตัวละครพอสมควร เหมือนอย่างที่ Iron Man, Thor หรือ Captain America ทำต่อๆกันมา แต่หนังก็หาแนวทางของตัวเองได้อย่างชัดเจน ไม่ซ้ำกับฮีโร่รุ่นพี่ และแม้ว่าพระเอกจะมีความกวนโอ้ย(จริงๆอยากพิมพ์ว่ากวนตรีน) เหมือนกับ Tony Stark หรือ Star Lord แต่ก็ดูจะไม่ซ้ำทางกันเท่าไหร่ ไม่ใช่ตัวละครที่ประชดเสียดสีหรือกวนบาทาอยู่ตลอดเวลา

Ant-Man (1)

 

ตัวหนังมีสิ่งหนึ่งที่เหมียวชอบมาก นั่นก็คือการใส่ปูมหลังตัวละครของ Scott Lang ให้กลายเป็นพ่อคน ที่ต้องคอยดูแลลูกสาว แม้ตัวเองจะมีอาชีพเป็นขโมยขโจรก็เถอะ แต่มันทำให้โทนหนังดูซอฟท์ลง และดูอบอุ่นมากขึ้น ในขณะที่ฮีโร่คนอื่นๆใน Avengers ยังไม่เคยกล่าวถึงประเด็นนี้เลย หรือถึงจะมีใน Thor แต่หนังก็ไม่ได้ลงลึกซึ้งมากนัก

Ant-Man (4)

 

แม้จะเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ธีมหนังหลักๆจะเป็นหนังโจรกรรมอย่างชัดเจน มีการทำงานเป็นทีมเพื่อให้เข้าถึงเป้าหมาย บางฉากให้กลิ่นอายคล้ายกับ Ocean’s Eleven หรือ Mission: Impossible เลย ซึ่งไม่รู้แอดเหมียวคิดไปเองหรือเปล่าว่าบางฉากทำมาเพื่อคารวะหนังสไตล์นี้ด้วย(เช่นฉากโหนตัว)

Ant-Man (6)

 

อีกหนึ่งข้อดีของหนังเรื่องนี้ก็คือ ตัวละครทุกตัวดูมีสีสันมาก ตั้งแต่พระเอก Scott Lang(Paul Rudd) ในมาดกวนๆ หรือ Dr. Hank Pym(Michael Douglas) ที่แม้จะไม่ได้ไปออกแอ็คชั่นอะไรมาก แต่ด้วยพลังดาราทำให้ดูน่าเกรงขามสุดๆ และที่ชอบสุดๆก็คือแก็งค์ทีมงานของพระเอก ที่คล้ายๆกับทีมงานของ Mission: Impossible แต่เป็นเวอร์ชั่นเกรียนแตกแทน(ฉากเล่าย้อนความหลังตล๊กตลก)

Ant-Man (8)

 

สิ่งหนึ่งที่เหมียวรู้สึกว่าขาดไปหน่อย นั่นก็คือความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร อย่างเช่นตัวละคร Hope van Dyne(Evangeline Lilly) กับพ่อ ที่พอถึงฉากต้องดราม่ากัน แต่เหมียวกลับเข้าไม่ถึงเลย เหมือนหนังยังปูพื้นหลังความสัมพันธ์ได้ไม่ดีเท่าไหร่ หรือแม้แต่ความรักระหว่างเธอกับ Scott ที่เริ่มก่อตัวตอนไหน แอดเหมียวยังจับแทบไม่ได้(เอาน่า เขาอาจจะรักกันตอนเราก้มกินป็อปคอร์น)

Ant-Man (7)

 

น่าเสียดายที่หนัง Ant-Man ต้องกลายมาเป็นหนังปิดเฟส 2 ของ Marvel แทนที่จะเป็นหนังเปิดเรื่องแรกๆของเฟส 1 เพราะหนังมีสเกลเล็กมาก(แหงล่ะ ก็มันเป็นมดนี่) เมื่อเทียบกับการต่อสู้ระหว่างดวงดาว, สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้แต่การบุกถล่มนิวยอร์ค เลยทำให้การต่อสู้ระหว่างแมลง 2 ตัวดูจิ๊บจ๊อยไปทันที แต่หนังก็ทำฉากแอ็คชั่นออกมาได้สนุกและมันส์สุดๆไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่เลย

Ant-Man (5)

 

โดยรวมนี่ถือเป็นหนังฮีโร่อีกเรื่องหนึ่งของ Marvel ที่แอดเหมียวดูแล้วรู้สึกชอบมาก ไม่เฝือจนเกินไป มีมุกตลกแบบฉลาดๆ ฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ และที่สำคัญ หนังไม่ได้ดูดาร์คเกินไป(เออ หนังไม่ดาร์คมันก็สนุกดีนะ) เอาเป็นว่าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยจ้า

เรียบเรียงโดย Catdumb

Comments

Leave a Reply