พบฟอสซิล 14,000 ปีของ แมมมอธ อูฐ และหมาป่า ถูกฝังอยู่ด้วยกันที่เม็กซิโก

เมื่อเราพูดถึงการที่สัตว์ในยุคน้ำแข็งหลายๆ ชนิดอาศัยอยู่ด้วยกัน สิ่งแรกที่หลายๆ คนนึกถึงก็คงจะไม่พ้นภาพของเหล่าสัตว์ในภาพยนตร์เรื่อง Ice Age ขึ้นมาเป็นอย่างแรกๆ

แต่ในโลกแห่งความจริงแล้ว การที่สัตว์เหล่านี้จะถูกพบอยู่ใกล้ๆ เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในสัตว์เหล่านั้นเป็นสัตว์กินเนื้อแล้วด้วย

แต่แน่นอนว่า “เป็นไปได้ค่อนข้างน้อย” มันก็ไม่ได้หมายความว่า “เป็นไปไม่ได้” เช่นกัน เพราะเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมาสื่อท้องถิ่นของประเทศเม็กซิโกได้ออกมารายงานการค้นพบฟอสซิลโบราณของสัตว์หลายชิ้นพร้อมๆ กันในพื้นที่รัฐปวยบลา ทางตะวันตกของเม็กซิโกซิตี

 

 

โดยฟอสซิลที่ถูกค้นพบในครั้งนี้นั้น ประกอบไปด้วยงาของช้างแมมมอธจำนวนมาก กะโหลกของอูฐ และเขี้ยวของหมาป่ายักษ์ ซึ่งทั้งหมดนั้นมีอายุอยู่ที่ราวๆ 14,000 ปี

อ้างอิงจากคุณ Héctor Aguilar Rosas จากสมาคม Tepalcayotl กลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อรักษามรดกของรัฐปวยบลา คนในพื้นที่แห่งนี้มีการพบวัตถุโบราณจากยุคน้ำแข็งอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีการรายงานให้ผู้เกี่ยวข้อง

 

 

“ผู้พักอาศัยบางส่วนถึงกับมีวัตถุโบราณไว้ในบ้านเลย” คุณ Héctor กล่าว

เขาเล่าว่าคนในพื้นที่ได้พบวัตถุโบราณมาตั้งแต่เมื่อ 18 เดือนก่อน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับเพิ่งมีการรายงานไปที่สมาคมเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเท่านั้น ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าวัตถุโบราณหลายชิ้นคงจะเสียหายและสูญหายไปเพราะคนในพื้นที่แล้ว

 

 

ส่วนสำหรับเรื่องที่ว่าทำไมแมมมอธ อูฐ และหมาป่ายักษ์จึงถูกพบอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้ทั้งๆ ที่หมาป่าน่าจะเป็นศัตรูกับแมมมอธและอูฐ ทางนักวิจัยได้อธิบายไว้ว่า น่าจะเป็นเพราะแท้จริงแล้วสัตว์เหล่านี้ ถูกมนุษย์ล่าและนำมาทิ้งไว้ด้วยกัน มากกว่าที่พวกมันจะอาศัยอยู่ด้วยกันตั้งแต่ต้นนั่นเอง

แนวคิดที่ว่านี้ได้รับการสนับสนุนจากการที่ในบรรดากระดูกแมมมอธที่มีการค้นพบนั้น มีร่องรอยของหัวธนูจากการออกล่าของมนุษย์ในสมัยนั้น และในพื้นที่ใกล้เคียงเอง ยังเคยค้นพบอาวุธทำมือในสมัยก่อน อย่างเช่นหอกมาแล้วด้วย

 

 

ทั้งนี้เองในปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการส่งวัตถุโบราณและฟอสซิลที่พวกเขาพบไปให้ทางรัฐบาลทำการเก็บรักษาเอาไว้อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และแม้ว่าวัตถุโบราณหลายๆ ชิ้นที่พวกเขาเก็บกู้มาจะมีความเสียหายไปบ้างก็ตาม แต่หลังจากนี้ไปพวกมันก็จะได้รับการเก็บรักษาที่ดีกว่าเดิม และแน่นอนว่าในอนาคตเราก็อาจจะมีโอกาสได้เห็นวัตถุโบราณเหล่านี้อีกครั้งในพิพิธภัณฑ์ต่อไปอีกด้วย

 

ที่มา ancient-origins, thesun และ mexiconewsdaily

Comments

Leave a Reply